‘สภาพัฒน์’ เผยพบ อัตราว่างงาน ระยะยาวของผู้มีอายุ 20-24 ปี ‘สูงลิ่วนำกลุ่มอายุอื่นๆ’ ห่วงแนวโน้มบัณฑิตจบใหม่อาจเสี่ยงต่อการตกงานมากขึ้น สอดคล้องกับผลสำรวจที่พบว่า ผู้บริหารเกือบ 90% เลี่ยงการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ ด้านเว็บไซต์หางานในไทยเปิดรับสมัครตำแหน่งงานที่ ‘ไม่ต้องการประสบการณ์’ เพียง 22.3% เท่านั้น
ในรายงานภาวะสังคมไทย ประจำไตรมาส 1 ปี 2568 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ ‘สภาพัฒน์’ ระบุว่า แรงงานกลุ่มผู้มีอายุน้อย และแรงงานที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษามีอัตราว่างงาน ‘สูงที่สุด’ เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
โดยกลุ่มที่จบการศึกษาระดับอุดมศึกษายังคงมีอัตราการว่างงานสูงที่สุดที่ 1.84% เทียบกับอัตราการว่างงานโดยรวมที่ 0.88% ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568
ส่อง อัตราการว่างงาน แยกตามระดับการศึกษาสูงสุดในไตรมาส 1 ปี 2568
- ประถมและต่ำกว่า ว่างงานจำนวน 5.62 หมื่นคน (อัตราว่างงาน 0.37%)
- มัธยมต้น ว่างงานจำนวน 5.60 หมื่นคน (อัตราว่างงาน 0.76%)
- มัธยมปลาย ว่างงานจำนวน 6.15 หมื่นคน (อัตราว่างงาน 0.94%)
- อาชีวศึกษา ว่างงานจำนวน 2.08 หมื่นคน (อัตราว่างงาน 1.28%)
- วิชาชีพขั้นสูง ว่างงานจำนวน 3.18 หมื่นคน (อัตราว่างงาน 1.31%)
- อุดมศึกษา ว่างงานจำนวน 1.316 แสนคน (อัตราว่างงาน 1.84%)
นอกจากนี้ ผู้ว่างงานระยะยาว (ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป) ส่วนใหญ่ (69.8%) อยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี และเมื่อพิจารณาประสบการณ์การทำงานพบว่า 74.3% ของผู้ว่างงานระยะยาว ไม่เคยทำงานมาก่อน โดยผู้ว่างงานกลุ่มนี้ระบุสาเหตุเนื่องจากหางานไม่ได้
ส่องสถานการณ์ผู้ว่างงานระยะยาว แยกตามกลุ่มอายุในไตรมาส 1 ปี 2568
- อายุ 15-19 ปี: จำนวน 3,703 คน (อัตราว่างงาน 0.75%)
- อายุ 20-24 ปี: จำนวน 30,052 คน (อัตราว่างงาน 0.94%)
- อายุ 25-29 ปี: จำนวน 17,559 คน (อัตราว่างงาน 0.38%)
- อายุ 30-34 ปี: จำนวน 7,746 คน (อัตราว่างงาน 0.17%)
- อายุ 35-39 ปี: จำนวน 3,278 คน (อัตราว่างงาน 0.08%)
- อายุ 40-49 ปี: จำนวน 4,664 คน (อัตราว่างงาน 0.05%)
- อายุ 50-59 ปี: จำนวน 1,130 คน (อัตราว่างงาน 0.05%)
- อายุ 60 ปีขึ้นไป: จำนวน 97 คน (อัตราว่างงาน 0.00%)
ผู้บริหารเกือบ 90% มีแนวโน้มเลี่ยงจ้าง ‘บัณฑิตจบใหม่’ 63.1% ต้องการคนมีประสบการณ์
นอกจากนี้ รายงานยังห่วงว่าบัณฑิตจบใหม่อาจเสี่ยงต่อการตกงานมากขึ้น หลังมีผลการสำรวจผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคลในสหรัฐอเมริกา ของ Hult International Business School ร่วมกับ Workplace Intelligence พบว่า ผู้บริหารกว่า 89% มีแนวโน้มที่จะเลี่ยงการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ ซึ่งมากกว่าครึ่งมองว่าเด็กจบใหม่ยังขาดประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง
- ผู้บริหาร 60% มองว่า บัณฑิตจบใหม่ไม่มีทักษะที่เหมาะสม
- ผู้บริหาร 51% มองว่า บัณฑิตจบใหม่ขาดทักษะการทำงานเป็นทีม
- ผู้บริหาร 55% มองว่า บัณฑิตจบใหม่ยังมีมารยาททางธุรกิจที่ไม่ดีนัก
- ผู้บริหาร 50% เลือกที่จะจ้างฟรีแลนซ์หรือพนักงานที่เกษียณไปแล้วทดแทน หรือปล่อยให้ตำแหน่งว่าง
สอดคล้องกับมุมมองของผู้ประกอบการไทย จากข้อมูลการวิเคราะห์ประกาศรับสมัครงานออนไลน์ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ที่พบว่า มีตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัครเพียง 22.3% ที่ไม่ต้องการประสบการณ์ทำงาน
ส่องตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร แยกตามความต้องการประสบการณ์ขั้นต่ำ
- ไม่ต้องการประสบการณ์ จำนวน 49,366 ตำแหน่ง (22.3%)
- ต้องการประสบการณ์ขั้นต่ำ 1-2 ปี จำนวน 84,669 ตำแหน่ง (38.3%) ของประกาศฯ ทั้งหมด
- ต้องการประสบการณ์ 3 ปีขึ้นไป จำนวน 54,877 ตำแหน่ง (24.8%) ไม่ระบุความต้องการประสบการณ์ จำนวน 32,427 ตำแหน่ง (14.7%)
“จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า แม้จะมีตำแหน่งงานที่ไม่ต้องการประสบการณ์ทำงาน 49,366 ตำแหน่ง (22.3%) แต่ตำแหน่งงานส่วนใหญ่ในประกาศรับสมัครออนไลน์ก็ยังต้องการผู้สมัครที่มีประสบการณ์ทำงาน โดยมีตำแหน่งงานที่ต้องการประสบการณ์ทำงานถึง 139,546 ตำแหน่ง (63.1%) ซึ่งสะท้อนว่าตำแหน่งงานส่วนใหญ่ต้องการผู้สมัครที่มีความรู้ ทักษะ และความเข้าใจในการทำงานจริง” TDRI ระบุ
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าว TDRI ทำการรวบรวมประกาศรับสมัครงานออนไลน์จาก 23 เว็บไซต์รับสมัครงานในไตรมาส 4 ปี 2567 (1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม)
เปิด ‘คำแนะนำ’ ถึงบัณฑิตจบใหม่
ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ตั้งข้อสังเกตว่า บัณฑิตจบใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดแรงงานในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มักมีแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance) หรืออยากเป็นผู้ประกอบการเอง
อย่างไรก็ตาม ดนุชาแนะว่า สำหรับกลุ่มบัณฑิตจบใหม่ที่ต้องการเข้าไปสู่ระบบการจ้างงานต้องเข้าใจว่า การทำงานจริงต้องเป็นการทำงานอย่างเต็มที่ ดังนั้น Work-Life Balance ในช่วงต้นๆ ของการทำงานอาจจะไม่เกิดขึ้น และบัณฑิตจบใหม่ต้องเข้าใจ
“อาจจะต้อง Work ไปก่อน แล้วค่อยไปดู Balance ทีหลัง” ดนุชากล่าว
ดนุชากล่าวอีกว่า ทักษะการทำงานเป็นทีม และมารยาททางธุรกิจที่ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารก็เป็นสิ่งสำคัญ ขณะที่ในแง่ของความสามารถเป็นเรื่องจำเป็นและเป็นคุณสมบัติอยู่แล้ว
นอกจากนี้ “การคิดวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนางานที่ตัวเองทำอยู่ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพื่อให้หางานได้ง่ายขึ้นและมีความก้าวหน้าในการทำงานมากขึ้น รวมไปถึงควรมีความยืดหยุ่นในการทำงาน ในกรณีที่มีงานเร่งก็ต้องช่วยกันทำ เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง”
ดังนั้นเพื่อให้มีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน แรงงานจบใหม่จึงควรเตรียมความพร้อมตนเองให้เหมาะสม ทั้งในด้านทักษะที่จำเป็นต่อสายงานและทัศนคติต่อโลกการทำงาน
ขณะที่ภาคการศึกษาต้องเร่งปรับการเรียนการสอนให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด รวมถึงส่งเสริมการฝึกงานเพื่อสร้างประสบการณ์ทำงานจริงให้แก่นักศึกษา
ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย