เลือดไม่เคยโกหก ทุกหยดคือกุญแจไขความลับสุขภาพของคุณ
ที่ BDMS Wellness Clinic “เลือด” สามารถบอกได้ถึงสุขภาพของเราที่กำลังเป็นอยู่ทั้งระดับพันธุกรรม แนวโน้มการเกิดโรค สภาวะฮอร์โมน สารอาหารที่ร่างกายต้องการ ไปจนถึงสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าของโรคร้ายอย่างมะเร็ง
ด้วยเหตุนี้ THE STANDARD LIFE จึงได้มาคุยกับ หมอแอมป์-นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร BDMS Wellness Clinic และ BDMS Wellness Resort บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ถึงเรื่อง Wellness Life Blueprint และ Personalized Vitamin ที่กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวที่มองข้ามไม่ได้ไปเสียแล้วสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ
เมื่อผู้คนมีอายุขัยที่ยาวนานขึ้น
ในยุคที่วิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าไปมาก อายุขัยเฉลี่ยของคนเรายืนยาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลชี้ว่าในช่วงเพียง 10 ปี อายุขัยเฉลี่ยประชากรโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 7 ปี
แต่สิ่งที่น่าขบคิดคือ ‘อายุขัยสุขภาพ’ หรือ Health Span ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาที่เรามีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรงทั้งกายและใจ กลับไม่ได้เพิ่มตามไปด้วย
หมอแอมป์อธิบายว่า “มนุษย์ส่วนใหญ่จะต้องทนอยู่กับความเจ็บป่วยเกือบ 10 ปีก่อนเสียชีวิตลง” สาเหตุสำคัญมาจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ที่เป็นภัยเงียบคร่าชีวิตผู้คนจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะในประเทศไทย ตัวเลขผู้เสียชีวิตจาก NCDs สูงถึง 77% หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 44 คน
“นี่คือสัญญาณเตือนให้เราหันกลับมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังและรอบด้าน” หมอแอมป์เน้นย้ำ “Wellness Life Blueprint จึงเป็นคำตอบที่ช่วยให้เราเข้าใจถึง ‘พิมพ์เขียวแห่งสุขภาพ’ อย่างลึกซึ้ง”
แนวคิดหลักของ ‘Wellness Life Blueprint’ ที่ BDMS Wellness Clinic ให้ความสำคัญ คือการสร้างพิมพ์เขียวสุขภาพเฉพาะบุคคล เพื่อให้แต่ละคนสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตและป้องกันโรคร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและความเครียด การมีพิมพ์เขียวสุขภาพส่วนตัวจึงทวีความสำคัญยิ่งขึ้น เพราะร่างกายของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน การดูแลสุขภาพแบบเหมารวมจึงอาจไม่ตอบโจทย์
ถอดรหัส ‘พิมพ์เขียวสุขภาพ’: สู่ความเข้าใจร่างกายอย่างแท้จริง
กระบวนการสร้าง ‘Wellness Life Blueprint’ ไม่ได้หยุดอยู่แค่การตรวจสุขภาพพื้นฐาน แต่เป็นการเจาะลึกถึงระดับพันธุกรรม ฮอร์โมน และเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย หมอแอมป์ขยายความว่า “เพื่อให้เข้าใจถึงพิมพ์เขียวร่างกายของเราอย่างแท้จริง”
การวิเคราะห์นี้เริ่มต้นด้วย ‘การวิเคราะห์พันธุกรรม (Genomic analysis)’ เพื่อให้ทราบถึงความต้องการสารอาหารเฉพาะตัว ความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับ ‘พฤติกรรมที่ส่งผลต่อการแสดงออกของยีน (Epigenetics)’ ซึ่งช่วยให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น
อีกส่วนสำคัญคือ ‘การตรวจคัดกรองมะเร็งในระยะเริ่มต้น (Early Detection Cancer)’ ด้วยเทคโนโลยีอย่าง ctDNA ที่ตรวจสารพันธุกรรมเซลล์มะเร็งในเลือด หรือ EDIM ที่ตรวจสอบความผิดปกติของเซลล์ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาหากตรวจพบเจอตั้งแต่เนิ่นๆ
การตรวจวัดระดับฮอร์โมน (Hormonal Assessment) ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะฮอร์โมนกว่า 50 ชนิดในร่างกายส่งผลต่อทุกระบบ ตั้งแต่การเผาผลาญ, อารมณ์, การนอนหลับ ไปจนถึงความเครียด ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนเพศ ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับอย่างเมลาโทนิน คอร์ติซอล หรือฮอร์โมนที่ส่งผลต่อสมองและการเผาผลาญ ล้วนต้องอยู่ในภาวะสมดุล
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจระดับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งร่างกายต้องการในปริมาณที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล รวมถึงการตรวจร่างกายขั้นสูงด้วยเครื่องมือแพทย์ทันสมัย
เช่น การอัลตราซาวด์หลอดเลือดแดงคาโรติดเพื่อเฝ้าระวังโรคหลอดเลือดสมอง, การตรวจหาคราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ (CAC scan), MRI ช่องท้องเพื่อดูภาวะไขมันพอกตับ
การตรวจองค์ประกอบร่างกายด้วยเครื่อง DEXA scan, การทำแมมโมแกรม, การวิเคราะห์สภาพผิว, ไปจนถึงการตรวจสายตาและการได้ยิน “ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่ช่วยให้เราเข้าใจ ‘พิมพ์เขียว’ ของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น” หมอแอมป์กล่าว
‘Personalized Vitamin’: เติมเต็มสิ่งที่ร่างกายต้องการอย่างตรงจุด
เมื่อเข้าใจพิมพ์เขียวสุขภาพของตนเองแล้ว ‘Personalized Vitamin’ หรือวิตามินเฉพาะบุคคล จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเสริมและเติมเต็มสิ่งที่ร่างกายต้องการอย่างแท้จริง
หมอแอมป์อธิบายว่า “ปัจจุบันผู้คนหันมารับประทานวิตามินและแร่ธาตุเสริมมากขึ้น โดยมักมีคำถามว่า ควรรับประทานวิตามินตัวใดดี คำตอบคือ เราควรรู้ก่อนว่าร่างกายเราขาดวิตามินและสารอาหารตัวใดบ้าง”
การเลือกวิตามินที่เหมาะสมจากผลเลือด จะช่วยให้ได้รับสารอาหารตรงตามความต้องการของร่างกายและตรงจุด เพราะการรับประทานมากหรือน้อยเกินไปก็อาจก่อให้เกิดผลเสียได้
หลักการพิจารณาออกแบบวิตามินเฉพาะบุคคลที่ BDMS Wellness Clinic จะอ้างอิงจากข้อมูลสุขภาพเชิงลึก ทั้งผลการตรวจเลือด และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ปัจจัยเหล่านี้ทำให้วิตามินเฉพาะบุคคลมีความแตกต่างและโดดเด่นกว่าการเลือกซื้อวิตามินเสริมทั่วไปตามท้องตลาด เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดตามความต้องการที่แท้จริงของร่างกายแต่ละคน
“การตรวจระดับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระในเลือดจะช่วยให้เรารู้ว่า ร่างกายต้องการเสริมสารอาหารตัวใด หากขาดก็เสริมด้วยการปรับการรับประทานอาหาร หากดีอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสริมเพิ่มเติมจนได้รับมากเกินความต้องการ” หมอแอมป์เสริม
เพื่อให้การดูแลสามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลได้อย่างครอบคลุมที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงกลุ่มผู้รับบริการของ BDMS Wellness Clinic ซึ่งมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ และกว่า 60% เป็นชาวต่างชาติ
ทาง BDMS Wellness Clinic จึงได้ให้ความสำคัญกับการรวบรวมวิตามินและสารสกัดคุณภาพสูง ทำให้ทีมแพทย์มีตัวเลือกที่หลากหลายในการคัดสรรสิ่งที่เหมาะสมและจำเป็นที่สุดสำหรับสุขภาพของแต่ละท่านได้อย่างแม่นยำ สอดรับกับความต้องการวิตามินที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
ผลลัพธ์ที่จับต้องได้: เมื่อสุขภาพดีขึ้น ชีวิตก็เปลี่ยนไป
จากการนำ ‘Wellness Life Blueprint’ และ ‘Personalized Vitamin’ มาใช้อย่างจริงจัง หมอแอมป์เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในสุขภาพองค์รวมของผู้รับบริการว่า “เมื่อเราได้รับข้อมูลสุขภาพที่ละเอียดครบถ้วนจากพิมพ์เขียวสุขภาพ ผู้รับบริการสามารถปรับการใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับตัวเองได้ในทุกมิติ ตามหลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต 6 ด้าน”
ซึ่งได้แก่ โภชนาการ, กิจกรรมทางกาย, การนอนหลับที่มีคุณภาพ, การจัดการความเครียด, การหลีกเลี่ยงสารอันตราย และการมีสายสัมพันธ์ที่ดี
ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนมีหลากหลาย ตั้งแต่น้ำหนักตัวและมวลกล้ามเนื้ออยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไขมันลดลง ระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดดีขึ้นจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ นอกจากนี้ ยังพบว่าฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) ลดลง ในขณะที่ฮอร์โมนความสุข (DHEA) เพิ่มขึ้น ภาวะการตีบของหลอดเลือดแดงคาโรติดมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ค่าไขมันพอกตับลดลง ค่าการทำงานของเซลล์กำจัดสิ่งแปลกปลอม (NK Cell Activity) เพิ่มขึ้น
และที่สำคัญคือ ‘เทโลเมียร์ (Telomere)’ ซึ่งเป็นส่วนปลายของโครโมโซมที่บ่งบอกความเสื่อมของเซลล์ มีความยาวเพิ่มขึ้น “ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงภาวะสุขภาพที่ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ ที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต” หมอแอมป์สรุป
ก้าวข้ามความท้าทาย: สู่สังคมสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
แม้ประโยชน์ของการวางแผนสุขภาพเชิงป้องกันจะชัดเจน แต่หมอแอมป์ยอมรับว่าความท้าทายสำคัญคือการเปลี่ยนทัศนคติของคนไทยส่วนใหญ่ จากเดิมที่คุ้นเคยกับการ ‘ป่วยแล้วค่อยรักษา’ มาเป็นการ ’ดูแลสุขภาพก่อนป่วย’
“โลกกำลังเปลี่ยน Healthcare จาก Reactive สู่ Proactive” วิสัยทัศน์ของ BDMS Wellness Clinic คือการผลักดันให้แนวคิดนี้เป็นที่ยอมรับและเข้าถึงได้ในวงกว้าง โดยเน้น ‘การสร้างความรู้ความเข้าใจ’ ให้คนตระหนักว่าการดูแลสุขภาพควรเริ่มจากความเข้าใจตนเองผ่านพิมพ์เขียวสุขภาพ
นอกจากนี้ยังมุ่ง ‘ออกแบบให้เข้าถึงง่ายขึ้นและเหมาะกับแต่ละคน’ โดยเชื่อมโยงข้อมูลพันธุกรรม ผลเลือด และไลฟ์สไตล์ เพื่อให้แนวทางการดูแลสุขภาพสามารถปฏิบัติได้จริงและเห็นผลลัพธ์ และที่สำคัญคือ ‘การสร้าง Wellness Ecosystem’ โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างระบบนิเวศแห่งสุขภาพที่ส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
“การลงทุนเพื่อดูแลสุขภาพ อาจยังไม่เห็นผลในทันที แต่เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่เราได้รับกลับมา คือคุณภาพชีวิต สุขภาพที่แข็งแรง และโอกาสในการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความหมาย” หมอแอมป์กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับประชาชนทั่วไปที่สนใจเริ่มต้นดูแลสุขภาพตามแนวทาง Scientific Wellness หมอแอมป์แนะนำให้เริ่มจากการใส่ใจ ‘เวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine)’ ทั้ง 6 ด้าน เริ่มจาก ‘การรักษาน้ำหนักตัวและรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ’ โดยเน้นอาหารจากพืชที่ไม่แปรรูป ลดน้ำตาล ลดเนื้อแดง
‘การออกกำลังกายสม่ำเสมอ’ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ครบทั้งคาร์ดิโอ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และยืดเหยียด, ‘การนอนหลับให้ดีมีคุณภาพ’ โดยควรเข้านอนก่อนสี่ทุ่มและนอนให้ได้ 7-9 ชั่วโมง
รวมถึง ‘การหลีกเลี่ยงสารอันตราย’ เช่น บุหรี่ แอลกอฮอล์ มลภาวะ ‘การจัดการอารมณ์และความเครียด’ เช่น ฝึกสติ นั่งสมาธิ และสุดท้ายคือ ‘การสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดี’ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นพื้นฐานสำคัญสู่การมีสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน
Instagram: