วันนี้ (22 พฤษภาคม) เวลา 11.00 น. ศาลอาญารัชดา กุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัคร สว. เดินทางมายื่นฟ้องหมิ่นประมาท อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีมีถ้อยคำกล่าวหาว่าเธอเป็น ‘คนกักขฬะ’ และ ‘คนนิสัยไม่ดี ชอบพูดโกหก’ ซึ่งเห็นว่าเป็นคำกล่าวที่เป็นเท็จและเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย
กุสุมาลวตีกล่าวว่า อนุทินที่เป็นผู้ใหญ่การพูดจาแบบนี้ไม่เป็นสิ่งที่ดี ในการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายรัฐธรรมนูญข้อที่ 41 นั้นพลเมืองสามารถที่จะยื่นคำร้องด้วยความเป็นธรรมกับหน่วยงานของรัฐ ซึ่งตนได้ไปยื่นที่ กกต.ด้วยความรู้สึกที่เห็นว่าบ้านเมือง ต้องมีคนลุกมาปกป้องประชาธิปไตย และปกป้องกระบวนการที่ไม่ถูกต้องเพราะหากว่า สว. โดนครอบงำไม่ว่าจะเป็น ปปช., กกต. หรือหน่วยงานองค์กรอิสระ โดนครอบงำบ้านเมืองจะอยู่อย่างไร ดังนั้นนี่เป็นหน้าที่ของพลเมืองคนหนึ่งที่เข้าร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อให้ทำการยุบพรรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามข้อบังคับกฎหมายพรรคการเมือง
กุสุมาลวตีกล่าวว่า ถามว่าตนนั้นมีความผิดข้อใดทำไมจึงไม่แก้ข้อกล่าวหาให้เสร็จสิ้นกระบวนการก่อนค่อยมาพูดและการมาด่าว่าตน ทำร้ายตนนั้น ถามว่าไม่ใช่การติติงเพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่เป็นการพูดเรื่องส่วนตัวเป็นการทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งและเป็นการใส่ร้าย ตนไม่เคยอยู่พรรคชาติไทยพัฒนาเลย พูดได้อย่างไรว่าตนเป็นคนเลว เป็นคนนิสัยไม่ดี เป็นคนน่าเบื่อ หรืออะไรมากมาย ซึ่งเข้าองค์ประกอบความผิดในการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
ตนจึงได้หารือกับทนาย เพราะคิดว่าในฐานะคนจังหวัดมหาสารคามต้องปกป้องศักดิ์ศรีของคนจังหวัดมหาสารคามในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ดังนั้นคนมหาสารคามไม่ได้เห็นแก่อำนาจเงินอำนาจทองและภูมิใจในฐานะอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายในการฟ้องหมิ่นประมาทนั้น รอให้ชนะคดีฟ้องหมิ่นประมาทก่อน แล้วจะพิจารณาฟ้องแพ่งต่อเพื่อเรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท
หลังจากนี้จะมีการร้องจริยธรรมที่สภาผู้แทนราษฎรต่ออนุทิน เพราะตนมีผู้หวังดีแจ้งมาว่า ในเมื่อไปเช่นนี้ขอให้ระวังเพราะคำว่าโหดเลวมีดีนั้นมีอยู่จริง โหดเลวแต่ไม่ดีก็มี เพราะพ่อของ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต สส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ก็ถูกยิงตาย เช่นเดียวกับที่จังหวัดอำนาจเจริญเมื่อมีปัญหากับคนบางคนก็ถูกยิงหรือถูกผูกคอตาย ยืนยันว่าไม่กลัวตายแต่ก็ไม่อยากตายอย่างโดดเดี่ยว
จากนั้นกุสุมาลวตีพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นพร้อมกับมีน้ำตาคลอเบ้าและพูดว่า เราเป็นคนไทยทำไมไม่ช่วยกัน ปล่อยให้ตนนั้นตายอย่างโดดเดี่ยว ดิฉันมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิต เพราะหลังจาก ยื่นเรื่องต่างๆ ก็มีคนมาบอกว่าให้ระวังตัว อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นเพราะเล่นใหญ่เกินตัว แต่ถ้าไม่ยืนขึ้นใครจะทำ คนเก่งเยอะแต่คนกล้าไม่มี ทำไมต้องมารังแกและทำลายตนด้วย ในเมื่อมีแต่ความหวังดีต่อประเทศชาติ คู่กรณีเป็นถึงระดับรองนายกรัฐมนตรี ทำไมจึงมาพูดแบบนี้
กุสุมาลวตียืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากได้ลาออกจากสมาชิกพรรคมานานเพื่อเตรียมลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ไม่มีสีแดงสีน้ำเงิน แต่กระบวนการเลือก สว. เป็นกระบวนการที่รับไม่ได้ พร้อมเดินหน้ายื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ไม่มีถอย และมองว่าไม่ใช่หน้าที่ที่พรรคการเมืองจะมาสงสัยว่าตนไปเอาเอกสาร หลักฐานมาจากตรงไหน ไม่ใช่หน้าที่ที่ตนจะต้องตอบ จะได้มาจากไหนก็เป็นเรื่องของเรา แต่มั่นใจว่าเอกสารหลักฐานชัดเจน
หลังจากเสร็จสิ้น กกต. เรียกตนไปชี้แจงเกี่ยวกับข้อมูลและพยานหลักฐานในคดีการยุบพรรคภูมิใจไทยนั้นจะมีการเปิดหลักฐานภาพถ่ายที่โรงแรมพูลแมนระหว่าง สว. สีน้ำเงินและอนุทิน ให้กับสื่อมวลชนได้เห็น พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีการถอนฟ้องแน่นอน แต่ตนขอไม่เป็นแมวที่จับหนู เพราะสกปรก จะจับทำไมเดี๋ยวติดเชื้อโรค
