วันนี้ (20 พฤษภาคม) พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เปิดเผยภายหลังเสร็จการชี้แจงข้อกล่าวหาของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ ในคดีฮั้วเลือก สว. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยระบุว่า เบื้องต้น กกต. ได้แจ้ง 4 ข้อกล่าวหา ประกอบด้วย
- กระทำการฝ่าฝืนเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2560
- การรวมตัวกันในสถานที่ต่างๆ
- ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ตามข้อกล่าวหาในระหว่างวันเวลาที่เกิดเหตุ ตั้งแต่วันที่ 23-26 มิถุนายน 2567 หรือไม่
- สถานที่โรงแรมต่างๆ 4-5 แห่ง ในพื้นที่รอบปริมณฑล
และ 5. เป็นการสรุปว่าพฤติการณ์ 1-4 ตนเองเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์อย่างไร ซึ่งได้ย้อนถามว่าจะได้รับประโยชน์ตรงไหน ทางเจ้าหน้าที่จึงตอบกลับมาว่าได้ประโยชน์ที่เป็น สว. จึงได้ถามกลับว่า “ผมรับราชการมา 30 กว่าปี ไม่เคยมีปัญหา เรื่องนี้จะไม่เป็นเครื่องการันตีว่าผมจะไม่ได้รับเลือกเหรอ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตอบว่าเป็นเรื่องที่ท่านต้องชี้แจง”
พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ ยอมรับว่า การมาครั้งนี้ถือว่าเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นของ กกต. ส่วนข้อกล่าวหาแต่ละคนเหมือนกันหรือไม่นั้น ไม่ทราบ แต่จากการพูดคุยกับเพื่อน สว. ก่อนหน้านี้ แต่ละคนมีรายละเอียดแตกต่างกันไป ทั้งนี้ ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ กกต. ไปว่า หากมีประเด็นใดที่ยังไม่ครบถ้วนให้แจ้งมา พร้อมเข้ามาชี้แจงเพิ่มเติม
นอกจากนี้ พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ ยังขอเอกสารเพิ่มเติมจาก กกต. ว่ามีเอกสารใดที่เกี่ยวโยงว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ที่กล่าวหา แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่สามารถให้ได้ ซึ่งได้ย้อนไปว่าแล้วจะให้ชี้แจงได้อย่างไร ก็ได้รับคำตอบว่าหากมีประเด็น กกต. จะเรียกมาชี้แจงเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ ระบุว่า ได้คุยกับคณะกรรมการฯ แล้วก็เข้าใจดี เพราะ กกต. รับคำร้องจากทุกกลุ่ม ส่วนจะปฏิบัติอย่างไรขึ้นอยู่กับ กกต. เอง โดยเฉพาะเรื่องข้อกฎหมายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ใครมีอำนาจหน้าที่อย่างไรก็ทำตาม หากใครทำเกินกว่าที่อำนาจกำหนดก็ต้องว่ากันอีกที แต่เท่าที่ดูคณะกรรมการฯ ที่เชิญมาชี้แจง ถือว่าให้ความเป็นธรรมกับตนเองพอสมควรในการไปชี้แจงข้อเท็จจริง
พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ ยังยืนยันด้วยว่า ได้เรียกมาชี้แจงก็สบายใจแล้ว เพราะในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แจ้งข้อกล่าวหา ได้ค้านไปตั้งแต่ต้นว่าการสอบสวนของ DSI เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ เพราะการได้มาซึ่ง สว. เป็นอำนาจของ กกต. และเรื่องคดีฟอกเงินได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) จะมาใช้ข้อสันนิษฐานเรื่องจำนวนเงินไม่ได้ ในเมื่อไม่มีเงินจะเข้าข่ายการฟอกเงินได้อย่างไร
“ผมจึงสงสัยว่าการกระทำของ DSI เหมือนจงใจอะไรบางอย่างหรือไม่ ซึ่งในห้องสอบสวนของ กกต. ผมไม่เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่สวมชุด DSI ร่วมสอบอยู่ด้วย ส่วนใหญ่เห็นแต่สวมชุด กกต. จึงไม่รู้ว่ามี DSI รวมอยู่ด้วยหรือไม่ แต่ทั้งหมดน่าจะเป็นคณะกรรมการชุดที่ 26” พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ กล่าว
ส่วนข้อกล่าวหาของ กกต. มีข้อใดที่สุ่มเสี่ยงบ้างหรือไม่นั้น พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ กล่าวว่า สำหรับตนเองขอยืนยันในความบริสุทธิ์ แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าตรงไหนมีความเสี่ยงบ้าง ขึ้นอยู่กับการพิจารณาไต่สวน และในวันพรุ่งนี้ก็จะเดินทางมายื่นเอกสารเพิ่มเติมในบางประเด็นที่ยังไม่มีการสอบสวน
