×

อีก 5 ปีข้างหน้า AI จะเปลี่ยนชีวิตมนุษย์อย่างไร?

06.05.2025
  • LOADING...
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ปมความขัดแย้งกับกระทรวงยุติธรรมกรณีคดีฮั้วเลือก สว.

ท่ามกลางความก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งของปัญญาประดิษฐ์ (AI) อนาคตในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร?

 

AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตและการทำงานของเราไปในทิศทางไหน? ความกลัวเรื่องการถูกแทนที่จะเป็นจริง หรือนี่คือโอกาสครั้งสำคัญในการยกระดับศักยภาพมนุษย์?

 

THE STANDARD WEALTH มีโอกาสได้สัมภาษณ์พิเศษผู้บริหารระดับสูงของ Google Cloud หลายท่าน จากงาน Google Cloud Next 2025 เพื่อฉายภาพอนาคตอันใกล้ที่ AI กำลังจะเข้ามามีบทบาทกับเราทุกคน

 

AI ผู้เสริมศักยภาพมนุษย์ในอีก 5 ปีข้างหน้า

 

มุมมองที่ชัดเจนจากผู้บริหาร Google Cloud คือ แก่นแท้ของ AI ยุคใหม่ โดยเฉพาะ Generative AI ไม่ใช่การเข้ามาทดแทนมนุษย์ แต่เป็นการ ‘เสริมศักยภาพ (Augment) มนุษย์ได้อย่างมหาศาล ทั้งในวิธีที่เราคิด สร้างสรรค์ และแก้ปัญหา’ Erwan Menard, Director, Cloud AI กล่าว

 

Menard ย้ำว่าความสามารถหลายอย่างของ AI ที่ดูน่าทึ่งในงาน Google Cloud Next 2025 นั้น “ใช้งานได้จริงวันนี้” ไม่ว่าจะเป็นการสร้างประสบการณ์ลูกค้าเฉพาะบุคคล (Personalized Customer Experiences), การสร้างสรรค์สื่อ (ภาพ, วิดีโอ, เพลง) หรือการเข้าถึงความรู้ดังที่กล่าวไปแล้ว

 

สำหรับอนาคตในอีก 3-5 ปีข้างหน้า เขาคาดการณ์ว่าจะเห็นการพัฒนาใน 3 ด้านหลัก:

 

  1. ความสามารถในการให้เหตุผล (Reasoning) AI จะเก่งขึ้นในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น
  2. การประมวลผลหลายรูปแบบ (Multi-modality) การโต้ตอบกับ AI จะเป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การพูดคุยผ่านเสียง (Live API) ที่จะรวดเร็วและอาจแปลภาษาได้ทันที
  3. ระบบของ Agent (Systems of Agents) AI หลายๆ ตัวจะสามารถทำงานร่วมกันและประสานงานกันเพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ เช่น การระดมสมองเพื่อหาไอเดียใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่

 

Will Grannis, Vice President เสริมว่า แม้กระทั่งในกระบวนการหลักของ Google เองอย่างวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ปัจจุบัน AI ได้เข้ามามีบทบาทในการประเมินโค้ดถึง 30% และกำลังขยายไปสู่การช่วยวางแผนและออกแบบ เช่น เครื่องมือ Co-scientist ซึ่ง Google กำลังนำบทเรียนเหล่านี้มาพัฒนาเป็นเครื่องมือให้ลูกค้าได้ใช้งาน อรรณพ ศิริติกุล Country Director, Google Cloud ประเทศไทย มองว่า “AI ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเราไปแล้ว ไม่ต่างจากอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ” 

 

AI จะช่วยให้เราฉลาดขึ้น สามารถทำบางอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน และทำอะไรหลายอย่างได้ด้วยความเร็วที่สูงขึ้น รวมทั้งการเข้าช่วยทำงานที่ซ้ำซ้อนและน่าเบื่อ และมีเวลาไปทำสิ่งที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นได้ 

 

AI กำลังพลิกโฉมการทำงาน โจทย์ของคนคือ Reskill

 

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือวิธีที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับข้อมูลและการทำงาน Menard ชี้ว่า AI กำลังจะเปลี่ยนประสบการณ์จากการต้องค้นหาข้อมูลในแอปพลิเคชันหรือคลังความรู้ที่กระจัดกระจาย ไปสู่ ‘การพูดคุยกับ AI’ เพื่อดึงข้อมูล วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ 

 

Menard ยกตัวอย่างเพื่อนสถาปนิกที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านเทคนิค ก็สามารถใช้ AI ช่วยงานที่น่าเบื่อ เพื่อเพิ่มเวลาให้กับงานออกแบบที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้ “อุปสรรคในการเริ่มต้นใช้งาน AI นั้นต่ำมาก ตราบใดที่คุณมีความอยากรู้อยากเห็น คุณก็สามารถใช้ประโยชน์ได้”

 

เมื่อถามถึงประเด็นที่หลายคนกังวลที่สุด คือ AI จะมาแทนที่งานมนุษย์หรือไม่ Menard ให้มุมมองว่า “AI จะเปลี่ยนวิธีที่เราทำงาน และผลที่ตามมาคือ AI จะสร้างงานใหม่ๆ ขึ้นมา และจะทำให้งานอื่นๆ บางอย่างง่ายขึ้นอย่างมาก”

 

เขาเปรียบเทียบกับการเข้ามาของรถยนต์ที่แทนที่ม้า ซึ่งไม่ได้ทำให้คนตกงานทั้งหมด แต่เป็นการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ของงาน ทำให้เกิดทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็น เช่น การขับรถ, การซ่อมรถ ขณะที่ทักษะเดิมบางอย่างมีความต้องการน้อยลง

 

Menard ยอมรับว่าบางธุรกิจอาจใช้ AI ทำให้ ‘ทำอะไรได้มากขึ้นด้วยคนจำนวนน้อยลง’ ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับการใช้ระบบอัตโนมัติในโรงงาน แต่หัวใจสำคัญคือ ‘การนิยามภูมิทัศน์ตลาดงาน (Job Market Landscape) ขึ้นมาใหม่ พร้อมกับความต้องการทักษะใหม่ๆ’ ดังนั้นการเตรียมพร้อมเพิ่มทักษะใหม่ (Reskilling) จึงเป็นสิ่งจำเป็น

 

Grannis บอกว่า AI กำลังเข้ามาช่วยในกระบวนการทางธุรกิจที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การสรุปประเด็นสำคัญจากการประชุมหรือเอกสารจำนวนมาก หรือการกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกจากการทำงานร่วมกัน 

 

นอกจากนี้ ทิศทางในอนาคตคือการสร้าง ‘ระบบของ Agent’ (Systems of Agents) ซึ่งเป็น AI ขนาดเล็กที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง สามารถทำงานร่วมกันและประสานงานกันเพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ เช่น การระดมสมองหาไอเดียใหม่ (Agent Builder) หรือการจัดการการเดินทางที่ซับซ้อน ซึ่ง Grannis มองว่านี่คือ ‘คลังของ Agent ที่เชื่อมต่อกัน’ (Cloud of Connected Agents) ที่จะสร้างคุณค่ามหาศาลในระยะยาวความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่ตัวเทคโนโลยี แต่คือ ‘การบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management)’ การจัดการกับความกลัว ความคาดหวัง และการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับผู้ใช้งาน 

 

คำแนะนำสำหรับการเริ่มใช้ AI 

 

เมื่อถามถึงเครื่องมือ AI ที่อยากแนะนำ Menard เลือก ‘Notebook LM’ ซึ่งเปรียบเสมือน ‘AI ส่วนตัวที่คุณสามารถแชตด้วยได้เกี่ยวกับความรู้ของคุณเอง’ เขายกตัวอย่างการใช้งานส่วนตัวในการอัปโหลดเอกสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Google Cloud เข้าไป แล้วสามารถสอบถามข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วระหว่างการประชุม หรือแม้กระทั่งสั่งให้สรุปเนื้อหาเป็นไฟล์เสียงสั้นๆ ได้

 

สุดท้าย Menard ทิ้งท้ายถึงสิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นที่สุดในฐานะคนทำงานด้าน AI ว่าคือ ‘การคิดค้นวิธีที่เราทำงานขึ้นมาใหม่’ (Reinvent the way we work) การที่ AI สามารถช่วยค้นหา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติผ่านการสนทนา กำลังจะเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานไปอย่างสิ้นเชิง สำหรับคนไทยและธุรกิจไทยที่ต้องการเตรียมพร้อมและก้าวให้ทันโลก AI Menard แนะนำว่า:

 

  1. เริ่มต้นจาก ‘ทำไม’ (Start with Why) “สิ่งที่สำคัญคือ ทำไมฉันถึงจะใช้มัน? มุ่งเน้นไปที่ ‘ทำไม’ และเจตนา” ควรมองว่า AI จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาทางธุรกิจ หรือปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดีขึ้นได้อย่างไร แทนที่จะไล่ตามเทคโนโลยีใหม่ๆ เพียงอย่างเดียว
  2. ลงมือใช้และเรียนรู้ ‘คุณต้องใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพื่อสร้างความเห็น’ เนื่องจากเทคโนโลยีพัฒนาเร็วมาก การได้ทดลองใช้เครื่องมือต่างๆ จะช่วยให้เข้าใจและเห็นโอกาสในการนำไปปรับใช้ได้ดีที่สุด

 

ด้าน Grannis ทิ้งท้ายถึงพรมแดนต่อไปของ AI ที่น่าตื่นเต้นคือ ‘Situated Agents’ หรือ Agent ที่ไม่ได้ถูกฝึกมาล่วงหน้าเพียงอย่างเดียว แต่สามารถ ‘เรียนรู้และพัฒนาไปพร้อมๆ กับเรา’

 

ลองนึกภาพ Agent ที่รับรู้สิ่งที่คุณเห็น ได้ยิน หรือสัมผัสผ่านอุปกรณ์สวมใส่หรือเซ็นเซอร์ต่างๆ และสามารถให้คำแนะนำด้านสุขภาพ การเดินทาง หรือด้านอื่นๆ ได้อย่างเฉพาะเจาะจงและปรับเปลี่ยนไปตามประสบการณ์ของคุณ นี่คือภาพอนาคตที่ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราอย่างแท้จริง

 

โดยสรุป ในอีก 5 ปีข้างหน้า AI จะไม่ได้เข้ามาแทนที่มนุษย์ แต่จะทำหน้าที่เป็น ‘คู่คิด’ และ ‘ผู้เสริมศักยภาพ’ ที่ทรงพลัง ช่วยให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างไร้ขีดจำกัด และเข้าถึงความรู้ได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กุญแจสำคัญอยู่ที่การเปิดรับ เรียนรู้ ปรับตัว และนำเทคโนโลยีนี้มาใช้อย่างมีเป้าหมายและมีความรับผิดชอบ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising