วันนี้ (6 พฤษภาคม) จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในเรื่องผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากสงครามการค้าและการประกาศนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้ประเทศต่างๆ ไม่สามารถปรับตัวได้ทันว่า ส่งผลให้ World Bank และสถาบันต่างๆ คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกจะตกต่ำลง
จิรายุกล่าวว่า ประเทศไทยก็จะได้รับผลกระทบดังกล่าวไปด้วย โดยคาดว่าจะต่ำกว่าที่ได้เคยคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ รายได้ของประชาชนในภาพรวมจะลดลง โดยเฉพาะภาคการส่งออกของไทยที่ยังจำเป็นต้องพึ่งพาตลาดต่างประเทศจะส่งผลในการจัดเก็บภาษีอันเป็นรายได้ของประเทศ ทำให้ประเทศไทยเก็บได้ต่ำกว่าเป้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ แผนการดำเนินการโครงการต่างๆ ของรัฐบาลที่ต้องอาศัยงบประมาณจำเป็นต้องได้รับการทบทวนให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และสอดคล้องกับรายได้ของประเทศที่ลดลง โดยถือโอกาสนี้เร่งปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ ให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ (Domestic Economy) ให้มากขึ้น เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงมาตรการดูแลประชาชนและการช่วยเหลือภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ
จิรายุกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายให้ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รับเรื่องนี้ไปหารือในคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจและนำมาเสนอต่อ ครม. โดยเร็ว และขอเน้นย้ำกับ ครม. ว่า ท่ามกลางวิกฤตย่อมมีโอกาส ขอให้พี่น้องประชาชนและพวกเราทุกคนมีกำลังใจที่จะร่วมกันฟันฝ่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน โดยอาศัยความสามัคคีของทุกคนในประเทศ