×

หยวนอ่อนค่าหนักสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจีนประกาศสู้จนถึงที่สุด เหตุทรัมป์ขู่เพิ่มอัตราภาษีต่อจีนเป็น 104% จับตาเงินบาทอ่อนตาม

09.04.2025
  • LOADING...
กราฟแสดงการอ่อนค่าของเงินหยวนหลังทรัมป์ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 104%

ธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณยอมให้เงินหยวนอ่อนค่า เพื่อสู้มาตรการภาษีทรัมป์เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่ทางการจีนประกาศสู้จนถึงที่สุด หลังทรัมป์ขู่เพิ่มอัตราภาษีต่อจีนเป็น 104% ฉุดให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าหนักสุดประวัติการณ์ในการซื้อขายนอกประเทศ จับตา ‘เงินบาทอ่อน’ ตามเงินหยวน เหตุบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องกับหยวนราว 71% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา

 

ธนาคารกลางจีน (PBOC) กำหนดอัตราอ้างอิงรายวันของเงินหยวนไว้ที่ 7.2066 หยวนต่อดอลลาร์ในวันพุธ นับเป็นการยอมทำให้หยวนอ่อนค่าลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน หลังจากที่ค่าเงินหยวนนอกประเทศร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดนี้ในปี 2010

 

โดยการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางจีนครั้งนี้อาจยิ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่าธนาคารจะยอมให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงเพื่อตอบโต้ผลกระทบของภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจของประเทศ 

 

จีนประกาศสู้จนถึงที่สุด

 

การเคลื่อนไหวของเงินหยวนยังเกิดขึ้นหลังจาก เมื่อวาน จีนประกาศสู้จนถึงที่สุดกับมาตรการภาษีใหม่ของทรัมป์

โดยคำมั่นว่าจะตอบโต้ต่อคำขู่ขึ้นภาษีรอบล่าสุด พร้อมระดมหน่วยงานรัฐเพื่อส่งสัญญาณความแข็งแกร่ง นับเป็นการยกระดับความเสี่ยงของสงครามการค้าที่อาจยืดเยื้อระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลก

 

กระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร (8 เมษายน) ที่ผ่านมาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมว่า “การที่สหรัฐขู่ว่าจะยกระดับภาษีต่อจีน ถือเป็นความผิดพลาดซ้ำซ้อน และหากสหรัฐยังยืนกรานเดินหน้า จีนก็จะสู้จนถึงที่สุด”

 

ปฏิกิริยานี้ของจีนเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ขู่ว่าจะขึ้นภาษีอีก 50% สำหรับสินค้าทั้งหมดจากจีน หากปักกิ่งไม่ยอมยุติมาตรการตอบโต้ต่อภาษีที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทำให้อัตราภาษีนำเข้ารวมที่ประกาศในปีนี้พุ่งขึ้นเป็น 104% ส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าจากจีนมายังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

 

ปักกิ่งเร่งสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน หลังตลาดหุ้นจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกงร่วงหนักที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี ค.ศ. 2008 โดยธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ผ่อนคลายนโยบายควบคุมค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าลงเพื่อกระตุ้นการส่งออก 

 

พร้อมให้คำมั่นว่าจะปล่อยกู้เพิ่มเติมเพื่อพยุงตลาด ขณะเดียวกันหัวหน้าสำนักงานวางแผนเศรษฐกิจของประเทศได้พบกับตัวแทนจากภาคเอกชนจีน รวมถึงบริษัท Goertek Inc. ผู้ผลิตชิ้นส่วนให้ Apple เพื่อรับฟังและแก้ไขข้อกังวลของภาคธุรกิจ

 

สกุลเงินหยวนที่อ่อนค่าลงอาจช่วยชดเชยผลกระทบจากภาษีที่สูงขึ้นได้ มีการคาดการณ์มากขึ้นในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะช่วยสนับสนุนความต้องการพันธบัตรจีน เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอยู่ใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 

 

ทางด้านทรัมป์กล่าวว่ารัฐบาลของเขากำลัง “ไปได้ดีมาก” ในการเจรจาเบื้องต้นกับประเทศต่างๆ ที่กำลังจะเผชิญกับภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ในอัตราที่สูง

 

ทรัมป์กล่าวว่าตัวแทนจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะบินมายังสหรัฐฯ เพื่อทำข้อตกลง อย่างไรก็ตาม ประเทศทั้ง 86 ประเทศที่จะเผชิญกับภาษีศุลกากรใหม่ที่เรียกว่าภาษีตอบโต้จะไม่สามารถยกเว้นภาษีใหม่นี้ได้ ก่อนที่ภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในเวลา 00:01 น. ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ วันพุธนี้

 

จับตา ‘บาทอ่อน’ ตามหยวน เหตุบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องกับหยวนราว 71%

 

พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า สำหรับค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.91 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 34.82 บาทต่อดอลลาร์

 

“โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง (แกว่งตัวในกรอบ 34.67-34.94 บาทต่อดอลลาร์) โดยค่าเงินบาทเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติม ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่ล่าสุด ทางการสหรัฐฯ ได้เตรียมขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจีนอีก 50% ซึ่งจะทำให้อัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนจะสูงถึง 104% ซึ่งภาพดังกล่าวได้กดดันให้เงินหยวนจีน Offshore (CNH) อ่อนค่าลงต่อเนื่องชัดเจน สร้างแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาท โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินหยวนจีน Offshore CNH ราว 71%”

 

นอกจากนี้ เงินบาทยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลดลงต่อเนื่องของราคาทองคำ อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงบ้าง ตามการปรับเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย 4-5 ครั้ง ในปีนี้ ของผู้เล่นในตลาด ท่ามกลางความกังวลผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินยังได้ช่วยหนุนให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ทยอยแข็งค่าขึ้น ตามความต้องการถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)

 

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท Krungthai GLOBAL MARKETS คงมุมมองเดิมว่า เงินบาทมีแนวโน้มทยอยอ่อนค่าลงได้ จนกว่าตลาดจะคลายกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ โดยเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก หลังบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง กดดันให้บรรดานักลงทุนต่างชาติอาจเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นไทยเพิ่มเติม ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ และเงินหยวนจีน ซึ่งเป็นสองสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาทเกิน 70% (30-day Correlation)

 

โดยหากราคาทองคำทยอยรีบาวด์สูงขึ้นได้บ้าง ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท ส่วนในฝั่งเงินหยวนนั้น ต้องจับตาท่าทีของทางการจีนว่าจะรับมือกับความเสี่ยงที่สหรัฐฯ เตรียมจะขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจีนเป็น 104% (20%+34%+50%) อย่างไร นอกจากนี้ เรามองว่าบรรดาผู้เล่นในตลาดอย่างฝั่งผู้ส่งออกอาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจช่วยจำกัดการอ่อนค่าของเงินบาทได้ในระยะสั้น

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising