วันนี้ (17 มีนาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือถึงการวางมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างถนนและเส้นทาง ร่วมกับ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุการณ์อุบัติเหตุโครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ซ้ำอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้จะมาคุยในเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (15 มีนาคม) จึงต้องขอขอบคุณ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพราะตอนเปิดข่าวมาเห็นสุริยะลงพื้นที่ไปหน้างานเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม เรื่องของการก่อสร้างที่สะพานพระราม 2 และทางด่วนพระราม 3 ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลงนามในรัฐบาลชุดนี้ แต่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะสร้างปัญหาและเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แอ็กชันแต่ละครั้งที่ออกมาจึงอยากให้มีสาระสำคัญมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องรวมถึงกระทรวงคมนาคมกันช่วยดูแล เพราะบางทีบริษัทใหญ่ๆ ที่รับเหมามีการใช้ผู้รับเหมารายเล็กด้วย จึงไม่แน่ใจว่ามีมาตรฐานหรือไม่ แต่อยากให้เกิดความรับผิด
ขณะที่เรื่องของที่ปรึกษาของโครงการฯ ผู้รับผิดชอบในวิชาชีพ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องดูว่าการทำโครงการนี้ได้มีการละเลยกระบวนการต่างๆ หรือไม่ และการควบคุมการก่อสร้างเป็นไปตามข้อกำหนดและเกณฑ์ต่างๆ หรือไม่ ขณะเดียวกันก็ต้องเกิดความรับผิดชอบทางอาญาด้วย ซึ่งต้องดูด้วยว่าปัญหาซับซ้อนแค่ไหนและมาอย่างไร ต้องถึงขั้นยึดใบอนุญาตหรือไม่ จึงขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังและคิดเลยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะมีผู้รับผิดชอบด้านไหนบ้าง ซึ่งสุริยะ ตั้งใจอยู่แล้วว่าอยากให้โครงการก่อสร้างพระราม 2 ต้องเสร็จให้เรียบร้อย แต่อุบัติเหตุและปัญหาต่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดการเสียชีวิตของคน เพราะฉะนั้นต้องชัดเจนในเรื่องของความรับผิดชอบต่างๆ
นายกรัฐมนตรียังย้ำด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต้องดูในรายละเอียดของการสอบสวนด้วยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร จึงขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สอบสวนต่อในเรื่องนี้และให้คำแนะนำ เผื่อว่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นอยากให้ชัดเจนจะได้เมื่อเกิดเหตุขึ้นในอนาคต พร้อมฝากดูในเรื่องของการจราจรและความปลอดภัยด้วย เพราะได้ฟีดแบ็กมาว่าการจราจรติดมากและไม่คล่องตัว
ด้านสุริยะยอมรับว่าถนนพระราม 2 เป็นปัญหาซ้ำซาก และเหตุที่เกิดขึ้นกระทรวงคมนาคมไม่เคยปัดความรับผิดชอบ ได้สั่งการให้อธิบดีกรมทางหลวงไปดูแลเรื่องความปลอดภัยและเข้มงวดกับผู้รับเหมาก่อสร้าง
ขณะเดียวกันที่ผ่านมาได้เชิญผู้รับเหมามาพูดคุย และเน้นย้ำไม่ให้มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นอีก แต่ในที่สุดก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีก จึงมีมาตรการสมุดพกที่จดบันทึกแต่ละครั้งว่ามีอุบัติเหตุกี่ครั้ง หากมีกรณีเสียชีวิตจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งได้ประสานกับกรมบัญชีกลางว่าจะสามารถขึ้นแบล็กลิสต์ ห้ามบริษัทนั้นมาประมูลงานใหม่ภายใน 1-2 ปี หากบริษัทผู้รับเหมาถ้าทำไม่ได้และยังเกิดอุบัติเหตุอยู่ก็จะส่งผลถึงอนาคต เชื่อว่ามาตรการนี้จะได้ผลมากกว่าการพูดคุยแบบปากเปล่า ซึ่งกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลาง ได้ให้ความร่วมมือในการแก้กฎเกณฑ์เป็นอย่างดี