หากพูดถึงผู้นำหรือ CEO ที่มาแรงที่สุดในปี 2024 ที่ผ่านมา คงไม่มีใครไม่รู้จัก เจนเซน หวง (Jensen Huang) ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ NVIDIA บริษัทเทคที่หุ้นพุ่งสูงจนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เรียกเสียงฮือฮาจากทั่วโลกได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
กระนั้นเอง แม้ว่าหลายคนจะมองว่าการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ NVIDIA นั้นจะเป็น ‘ผลพลอยได้’ จากความร้อนแรงของเทคโนโลยี AI ที่กลายมาเป็นหัวข้อหลักในทุกวงสนทนาของกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่แค่ไหนก็ตาม
แต่ความจริงแล้วความสำเร็จของ NVIDIA ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วยหรือ AI เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นผลมาจากวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่มองการณ์ไกลของตัว เจนเซน หวง ซึ่งสามารถดักรออนาคตและเติบโตไปพร้อมกับกระแส AI ที่กำลังมาแรงอย่างไม่หยุดยั้งนั่นเอง
🟡การดักรออนาคตด้วยวิสัยทัศน์
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1993 เจนเซน หวง ก่อตั้ง NVIDIA ร่วมกับเพื่อนอีกสองคนในช่วงที่เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เขาเห็นโอกาสจากกระแสการปฏิวัติคอมพิวเตอร์ที่กำลังเริ่มต้นในยุคนั้น ซึ่ง Microsoft และ Apple กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด
โดย NVIDIA ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปไม่สามารถทำได้ โดยเน้นการพัฒนาฮาร์ดแวร์เพื่อรองรับการประมวลผลขั้นสูง เช่น การจำลองสภาพอากาศ การออกแบบหุ่นยนต์ และการคำนวณพลศาสตร์ที่ซับซ้อน
แล้ว เจนเซน หวง สามารถมองเห็นและดักรอปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของวงการเทคโนโลยีได้อย่างไรกัน?
ต้องบอกว่าการที่เขาสามารถคาดการณ์และดักรอการมาถึงของเทคโนโลยี AI นั้นก็คงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเสียทีเดียว หากแต่ว่าตัว เจนเซน หวง เองนั้นมี DNA แห่งการมองการณ์ไกลอยู่ในตัวอยู่แล้ว แถมเขายังพยายามปลูกฝัง DNA ดังกล่าวลงไปใน NVIDIA อีกด้วย
เขามีหลักการที่เรียกว่า ‘Start with Vision’ ที่เริ่มจากการมองเห็นภาพใหญ่ของอนาคตและพยายามสร้างเทคโนโลยีที่จะตอบโจทย์ความต้องการนั้น แม้ในวันที่ NVIDIA ยังเป็นบริษัทเล็กๆ ที่ไม่มีทุนมากมาย เขายังคงเชื่อมั่นว่าความต้องการประมวลผลที่สูงขึ้นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และนั่นทำให้ NVIDIA มุ่งพัฒนาชิปที่สามารถรองรับการประมวลผลกราฟิกสามมิติ ซึ่งเป็นที่มาของการ์ดจอที่เรารู้จักกันดีที่สร้างชื่อให้กับ NVIDIA รวมถึงเป็นรากฐานแห่งความสำเร็จของบริษัทที่กำลังจะมาถึงในอนาคต
ต่อมา NVIDIA ไม่ได้หยุดอยู่แค่การพัฒนาการ์ดจอเพื่อเล่นเกม แต่ เจนเซน หวง ได้ขยายแนวคิดนี้ไปสู่การสร้าง ‘Computing Platform’ ที่เป็นรากฐานสำคัญของ AI และ Machine Learning ในปัจจุบัน เขามองเห็นโอกาสจากกระแส Generative AI และ Large Language Models ที่ต้องการพลังประมวลผลสูง เขาจึงเลือกที่จะไม่แข่งกับ OpenAI ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ AI โดยตรง แต่เลือกที่จะเป็นผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหรือ ‘Infrastructure’ ที่จำเป็นต่อการประมวลผล AI
การตัดสินใจนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นกลยุทธ์ที่มองเห็นโอกาสในระยะยาว เพราะเมื่อโลกต้องการใช้ AI มากขึ้น NVIDIA ก็กลายเป็นผู้จัดหาชิปและระบบประมวลผลที่ขาดไม่ได้ เจนเซน หวง เปรียบ NVIDIA เหมือน ‘แอปเปิ้ล’ ที่ร่วงลงมาจากต้นไม้ในวันที่โลกต้องการพลังประมวลผลที่มากขึ้น และ NVIDIA ก็พร้อมที่จะรับมันไว้ด้วยชิปประสิทธิภาพสูงนั่นเอง
🟡เครื่องมือตรวจสอบอนาคต
ความสามารถในการดักรออนาคตของ NVIDIA ไม่ได้มาจากการคาดเดา แต่เกิดจากการใช้ ‘Early Indicators of Future Success’ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ เจนเซน หวง ใช้ในการตรวจสอบแนวโน้มของเทคโนโลยี เขาเชื่อว่าการวัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแล้ว (เช่น กำไรหรือ Market Share) ไม่ใช่คำตอบของความสำเร็จในอนาคต แต่การหาสัญญาณบ่งชี้ล่วงหน้าต่างหากที่สำคัญ
ตัวอย่างเช่น NVIDIA เริ่มเห็นแนวโน้มการใช้ชิปของตนในงานด้าน AI และ Generative AI ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคของการประมวลผลขั้นสูง และทำให้เขามั่นใจว่า AI จะไม่ใช่เพียงกระแสชั่วคราว แต่จะเป็นอนาคตของเทคโนโลยีทั้งหมดนั่นเอง
🟡อนาคตของ NVIDIA ในโลก AI
เมื่อ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อทุกอุตสาหกรรม NVIDIA จึงไม่เพียงแต่สร้างชิปประสิทธิภาพสูง แต่ยังมองไปถึงการสร้าง ‘AI Infrastructure’ ที่จะกลายเป็นรากฐานของเทคโนโลยีแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผลภาษา (Large Language Models) หรือการประมวลผล DNA ซึ่ง NVIDIA กำลังเตรียมพร้อมที่จะเป็นผู้เล่นสำคัญในยุคของ ‘Production of Intelligence’
เจนเซน หวง ยังมองเห็นว่าอนาคตของ AI จะนำไปสู่การเกิด ‘AI Sovereignty’ หรืออธิปไตยทางปัญญาของแต่ละประเทศ เพราะข้อมูลและปัญญาจะกลายเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด เขาจึงไม่เพียงแต่สร้างชิป แต่กำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถรองรับการประมวลผล AI ได้ในระดับโลก
🟡เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจาก NVIDIA?
เรื่องราวความสำเร็จของ NVIDIA แสดงให้เห็นว่าการดักรออนาคตไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์จากวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่มองการณ์ไกล เจนเซน หวง ไม่ได้มองเห็นเพียงโอกาสในปัจจุบัน แต่เขาสร้างเส้นทางและเตรียมเครื่องมือที่จะทำให้ NVIDIA ก้าวไปสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง
NVIDIA จึงไม่ใช่เพียงบริษัทเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จจากการขายชิปประมวลผล แต่เป็นตัวอย่างของการใช้วิสัยทัศน์และการวางกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในการดักรออนาคต หากอยากเติบโตในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ บางทีเราทุกคนอาจต้องเริ่มต้นด้วยการ ‘Start with Vision’ เหมือนอย่างที่ NVIDIA ทำมาตลอดก็เป็นได้