ความจริงที่ต้องยอมรับวันนี้ คือวิกฤตสิ่งแวดล้อมไม่เคยดีขึ้นเลย ตั้งแต่มนุษย์เริ่มพูดถึงการกอบกู้โลกให้กลับมายั่งยืน
Copernicus หน่วยงานติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหภาพยุโรป เปิดเผยสถิติอุณหภูมิโลกเมื่อมกราคมที่ผ่านมา พร้อมกับระบุว่า ‘นี่คือเดือนมกราคมที่ร้อนที่สุดในโลก’
ถ้ากราฟอุณหภูมิเฉลี่ยโลกเป็นปรอทวัดไข้ โลกของเราคือคนป่วยเรื้อรังที่มีอาการโคม่ามากขึ้นทุกที
ความจริงอีกอย่างที่ต้องยอมรับ คือมีผู้ใหญ่น้อยคนที่แคร์โลกอย่างแท้จริง และเด็กรุ่นใหม่คือคนกลุ่มใหญ่ที่ออกมาต่อสู้และทวงคืนเพื่อโลกที่ยั่งยืนกว่าวันนี้ เพราะพวกเขายังต้องมีอนาคตอีกยาวไกล ขณะที่เวลาเยียวยาโลกเหลือน้อยลงทุกวัน
คำถามคือ พ่อแม่ยุคใหม่รู้และใส่ใจกับเรื่อง ‘สิ่งแวดล้อม’ มากแค่ไหน
เพียงแค่รู้ ตระหนักรู้ หรือสั่นไหวถึงหัวใจ
เพราะในโลกที่ร้อนและรวน การสร้างลูกสร้างคนไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะหากโลกพังจนอยู่ไม่ได้ ต่อให้ลูกเราดีเลิศแค่ไหน ก็เปล่าประโยชน์
พ่อแม่ยุคใหม่จึงต้องใส่ใจที่จะสร้างโลกและสร้างลูกไปพร้อมกัน และพร้อมโอบรับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ดูเหมือนไกลตัวมาเป็นของเรื่อง ‘เรา’
ฝุ่น PM2.5 จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปถึงเมื่อไหร่
ปัญหาขยะพลาสติกที่เป็นส่วนต่อขยายของวังวนในหลายวิกฤตจะดีขึ้นตอนไหน หลังเป็นเรื่องเล่าซ้ำซากในรอบหลายสิบปี
อีกมากมายที่เป็นปัญหาและความท้าทายที่พ่อแม่ทุกคนเริ่มต้นนับหนึ่งแก้ไขได้ด้วยการลงมือทำ เป็นแบบอย่าง และปลูกฝังความรู้สึกมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบ ไม่ดูดายกับปัญหา และมีความกล้าในการเรียกร้องความเป็นธรรม
ในหนังสือ The Handbook of Sustainability Literacy: Skills for a Changing World ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2009 พูดถึงทักษะด้านความยั่งยืนว่าประกอบด้วย 28 ทักษะที่จะเปลี่ยนโลกไปสู่ความยั่งยืนได้ ซึ่งครอบคลุมในทุกมิติทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี รวมถึงวิธีคิดและปรัชญาการดำรงชีวิตภายใน ที่เกี่ยวพันกันอยู่ในระบบนิเวศของ ‘ความยั่งยืน’
หากย่อยแนวคิดหนังสือเล่มดังกล่าวเป็นแนวทางให้พ่อแม่นำไปปรับใช้ได้เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้านความยั่งยืนให้กับลูกแบบง่ายๆ และใช้ได้จริง เราอาจแบ่งการสร้าง Sustainability Literacy ออกได้ 3 ระดับ
- ตัวตน: พ่อแม่เป็นตัวอย่างในการบริโภคและใช้สิ่งต่างๆ อย่างรู้คุณค่า เช่น ไม่กินทิ้งกินขว้าง ไม่ฟุ้งเฟ้อ ซื้อสิ่งต่างๆ เท่าที่จำเป็น และใช้ชีวิตด้วยสำนึกว่า ถึงแม้เราจะซื้อสิ่งต่างๆ ด้วยเงินที่หามา แต่ทุกสิ่งคือทรัพยากรของโลกที่เป็น ‘บ้าน’ ของเรา การประหยัดอาจดูสวนทางกับวิถีทุนนิยม แต่นี่คือถนนที่ลัดตรงที่สุดในการไปสู่ความยั่งยืน
- ชุมชน: คิดถึงการสร้างความยั่งยืนในมิติที่เกี่ยวกับข้องกับคนอื่นๆ เช่น แยกขยะเพื่อให้หน่วยงานที่รับช่วงต่อง่ายต่อการจัดการ การแบ่งปันและบริจาคสิ่งของเหลือใช้ให้ชุมชนและมูลนิธิต่างๆ ฯลฯ ด้วยสำนึกของการแบ่งปันและการนึกถึงผลลัพธ์ที่คนอื่นจะได้รับอย่างรับผิดชอบ
- สังคม: โลกกลมแต่สังคมเหลี่ยมมากขึ้นทุกวัน ข้อนี้เน้นย้ำให้พ่อแม่รู้เท่าและรู้ทันเทรนด์ด้านความยั่งยืน ตั้งแต่เรื่องทั่วไป นวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงเรื่องที่ซับซ้อนและซ่อนกลในแวดวง Sustainability เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อการฟอกเขียว และสร้างความยั่งยืนได้อย่างตรงเป้า พ่อแม่ที่รู้เท่าทันและเข้าใจจะเป็นเบ้าหลอมทางความคิดเรื่อง ‘ความยั่งยืน’ ที่ดีที่สุดของลูก
ถึงตรงนี้ ต้องยอมรับว่าโลกรวนหนักขึ้นทุกวัน และเวลากู้โลกเหลือน้อยลงทุกที แต่ถ้าพ่อแม่ยังมีหวัง จงบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ Sustainability Literacy ให้งอกงามในใจลูกและเรา เพื่อช่วยกันดูแลรักษาโลกที่เป็น ‘บ้านหลังใหญ่’ ให้คนรุ่นลูกและหลานของเราสืบไป
📌 ครบทุกความรู้และแรงบันดาลใจ เพื่ออนาคตลูกในงานเดียว! Alpha Skills Summit 2025 ดูรายละเอียดได้ที่ https://bit.ly/alphass2025cpsl