ในยุคที่ Social Media กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เราถูกป้อนภาพความสมบูรณ์แบบผ่านฟีดต่างๆ จนเผลอคิดว่านั่นคือมาตรฐานที่ทุกคนต้องไปให้ถึง ทั้งหน้าตา การเรียน การงาน ความรัก ไลฟ์สไตล์ หรือแม้แต่อาหารมื้อเช้าก็ต้องถ่ายรูปออกมาให้ดูดี การวิ่งไล่ตามภาพความสมบูรณ์แบบเหล่านี้ กลายเป็นความเครียดและความกดดันที่เราแบกรับโดยไม่จำเป็น
การปรับมายด์เซ็ตมาอยู่กับความเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ยิ้มได้ ร้องไห้เป็น อาจเป็นคำตอบที่เราทุกคนกำลังหาอยู่ก็ได้ เพราะความจริงแล้วชีวิตที่ไม่เพอร์เฟกต์ก็มีเสน่ห์และความสุขในแบบของมัน การยอมรับข้อจำกัด ความผิดพลาด และความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง ทำให้เราเป็นอิสระจากกรอบและความคาดหวังที่สังคมกำหนด
เมื่อเราเลิกพยายามทำทุกอย่างให้เพอร์เฟกต์ เราจะมีพลังงานและเวลาไปโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญจริงๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลากับครอบครัว การดูแลสุขภาพกายใจ หรือการทำในสิ่งที่รัก โดยไม่ต้องกังวลว่ามันจะดูดีพอสำหรับคนอื่นหรือไม่
ยอมรับความธรรมดาที่เป็นตัวเอง
ความธรรมดาไม่ใช่ความล้มเหลว มันคือความเป็นตัวเราที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เจ๋งที่สุด เก่งที่สุด หรือประสบความสำเร็จที่สุดในทุกๆ ด้าน การปล่อยวางความกดดันพวกนี้จะช่วยให้เราได้ใช้ชีวิตและค้นหาความสุขในแบบที่ใช่สำหรับเรา
มองหาความสุขเล็กๆ ในทุกวัน
ความสุขไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เสมอไป แค่การจิบกาแฟดีๆ ตอนเช้า นอนดูซีรีส์เรื่องโปรด แชตกับเพื่อน หรือการได้นอนยาวๆ หลังเลิกงาน ก็เป็นความสุขที่เราหาได้ในทุกวัน ลองมองหาและชื่นชมช่วงเวลาเล็กๆ เหล่านี้ รับรองว่าชีวิตจะมีความสุขง่ายขึ้นเยอะ
หยุดเปรียบเทียบกับชีวิตคนอื่น
แทนที่จะส่องชีวิตคนอื่นแล้วรู้สึกแย่กับตัวเอง ลองหันมาดูพัฒนาการของตัวเองดีกว่า เทียบกับเราเมื่อวาน เมื่อเดือนก่อน หรือปีที่แล้ว แม้จะเป็นความก้าวหน้าแค่นิดหน่อย การเห็นว่าเราพยายามและเติบโตขึ้น ก็ทำให้รู้สึกดีกับตัวเองได้แล้ว
Connection คือกุญแจสำคัญ
ความสัมพันธ์ที่เรียลและจริงใจกับครอบครัว เพื่อน หรือคนรอบข้าง คือแหล่งความสุขที่ไม่มีวันหมด การแฮงเอาต์กับคนที่เราแคร์ แชร์เรื่องราว หัวเราะ และร้องไห้ไปด้วยกัน สร้างความหมายให้ชีวิตมากกว่าความสำเร็จด้านวัตถุหรือหน้าที่การงาน
Balance ชีวิตให้ลงตัว
แทนที่จะตั้งเป้าหมายแบบ Toxic ที่ทำให้เครียดและกดดัน ลองตั้งเป้าที่ท้าทายแต่เป็นไปได้ ให้เวลาตัวเองได้เติบโตและพัฒนา โดยไม่ลืมที่จะมีความสุขระหว่างทาง การมีชีวิตที่บาลานซ์ระหว่างการไล่ตามความฝันกับการอยู่กับปัจจุบัน คือกุญแจของความสุขที่ยั่งยืน
Let it go บ้างก็ได้
เรียนรู้ที่จะปล่อยวางสิ่งที่คอนโทรลไม่ได้ ความคาดหวังที่เกินจริง และความเพอร์เฟกต์ที่บางทีก็ไม่จำเป็น จะช่วยให้เรามีพื้นที่สำหรับความสุขมากขึ้น บางทีการยอมรับว่าชีวิตไม่จำเป็นต้องเป๊ะทุกอย่าง ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความแฮปปี้ที่แท้จริง
เรียนรู้ที่จะแฮปปี้
จริงๆ แล้วการมีความสุขแบบคนธรรมดาไม่ได้แปลว่าต้องเลิกฝัน หรือหยุดพัฒนาตัวเอง แต่มันคือการเรียนรู้ที่จะแฮปปี้กับทุกขั้นตอนของชีวิต เห็นคุณค่าในตัวเอง และเข้าใจว่าบางทีความสุขก็อยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นมันไหม
ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย
การรู้จักพอและเลือกใช้สิ่งของที่จำเป็น ทำให้ชีวิตโล่งขึ้นและมีอิสระทางการเงินมากขึ้น เมื่อเราไม่หมกมุ่นกับวัตถุ เราจะมีเวลาและพลังงานไปโฟกัสกับสิ่งที่มีความหมายมากกว่า