×

ล้วงเบื้องหลังความสำเร็จของการยกเครื่องระบบ ‘Core Banking’ ครั้งใหญ่ของ KBTG แบบ Zero Downtime [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
06.02.2025
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • KBTG ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญกับ ‘Core Banking Horizontal Scale Project’ ยกเครื่องระบบ Core Banking ด้วยการเพิ่มระบบ Core Banking เข้าไปอีกหนึ่งตัว คาดการณ์ว่าการอัปเกรดครั้งนี้จะสามารถรองรับการเติบโตได้ถึงปี 2574 และรองรับลูกค้ากว่า 60 ล้านบัญชีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 
  • ความสำเร็จจากการอัปเกรดระบบครั้งใหญ่สามารถทำ ‘Zero Downtime’ โดยที่ระบบยังทำงานประสานกันระหว่าง 183 แอปพลิเคชัน และ 2000 API ได้อย่างมีเสถียรภาพ เกิดขึ้นจากกลยุทธ์ 3C ได้แก่ Communication, Collaboration และ Commitment
  • ทีมงานกว่า 1,000 คน จาก 50 หน่วยงาน ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานตลอด ตลอด 22 เดือน มีการทดสอบระบบภายใต้กลยุทธ์ ‘ซ้อมให้เหมือนจริง’ มากถึง 21 ครั้ง โดยไม่ปิดระบบแม้แต่วันเดียว ภายใต้งบประมาณกว่า 4.5 พันล้านบาท

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าต่อจากนี้ไปทุกธุรกิจจะก้าวเข้าสู่โลกของ ‘Trust Economy’ หรือเศรษฐกิจแห่งความไว้ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการเงินการธนาคาร ‘ความไว้ใจคือหัวใจสำคัญของธุรกิจ’

 

 

เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) บอกว่า การทำให้ระบบ Core Banking เสถียรที่สุดเป็นเรื่องพื้นฐานที่ธนาคารไหนๆ ก็ต้องทำให้ได้ เมื่อไรที่คุณทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ก็จะกลายเป็นธนาคารที่หมดความน่าเชื่อถือทันที” 

 

วรนุช เดชะไกศยะ Executive Chairman กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ฉายภาพกว้างให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของการทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน K PLUS จากปี 2562 ถึงปัจจุบัน มีการเติบโต 5.4 เท่า จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 37% จากปี 2563 คิดเป็น 24.3 ล้านคน สามารถรองรับธุรกรรมถึง 1.16 หมื่นล้านรายการ

 

 

วันนี้ KBank มีปริมาณธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ ครองตำแหน่งธนาคารที่มีเสถียรภาพมากที่สุด 5 ปีซ้อน ด้วยความเป็นเลิศด้านระบบและปฏิบัติการ (Brilliant Basic & Operation Excellence) อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยก็เพิ่งเผยสถิติปี 2567 พบว่า ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารเดียวที่แอปพลิเคชันไม่ขัดข้องเลยตลอดปี 2567

 

กลายเป็นความท้าทายครั้งสำคัญของ KBTG ที่จะดูแลระบบ Core Banking ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของธนาคารที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับลูกค้ากว่า 60 ล้านบัญชีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 

 

และนี่คือที่มาของอภิมหาโปรเจกต์ ‘Core Banking Horizontal Scale Project’

 

“Core Banking คือจุดศูนย์รวมธุรกรรมทางการเงินทั้งประเทศ จะทำอย่างไรให้แน่ใจว่ามันจะมีเสถียรภาพมาก สามารถรองรับการเติบโตแบบก้าวกระโดดได้” วรนุชกล่าว

 

 

จรุง เกียรติสุภาพงศ์ Vice Chairman กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เล่าถึงการยกเครื่องระบบ Core Banking ครั้งแรกเมื่อปี 2546 และพัฒนาทุกระบบต่อเนื่องจนเสร็จสมบูรณ์ พร้อมนำระบบ Core Banking ใหม่ใส่เข้าไปในปี 2558 

 

“ตอนนั้นธนาคารกสิกรต้องแจ้งปิดระบบทั้งหมดนานถึง 2 วัน ในวันที่17-19 กรกฎาคม 2558” 

 

จรุงเล่าว่า ปี 2561 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการทำธุรกรรมนั่นก็คือ ลูกค้าสามารถโอนเงินโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม เมื่อธุรกรรมทางการเงินเติบโตแบบก้าวกระโดด จึงต้องเพิ่มเสถียรภาพให้ระบบ Core Banking สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว 

 

ปี 2566 มีการจัดทำศูนย์จัดเก็บข้อมูล (Data Center) ที่ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าระบบ Hybrid Cloud ที่ผสมผสานการทำงานระหว่าง Private Cloud และ Public Cloud เพื่อประสิทธิภาพและเสถียรภาพขั้นสูงสุด รวมถึงลดอัตราการเกิด Incident ระดับรุนแรงได้มากถึง 60% เวลาที่ใช้ในการแก้ไขลดลง 33% และ Downtime ของระบบลดลง 66%

 

“การยกเครื่องทั้งระบบตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเป็นที่มาของการทำ Core Banking Horizontal Scale Project ที่เราเริ่มทำกันมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2566 ซึ่งการยกระดับการทำงานครั้งนี้เป็นการเพิ่มระบบ Core Banking เข้าไปอีกหนึ่งตัว เท่ากับเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบอีกเท่าตัว คาดการณ์ว่าการอัปเกรดครั้งนี้จะสามารถรองรับการเติบโตได้ถึงปี 2574 และรองรับลูกค้ากว่า 60 ล้านบัญชีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

 

เจาะเบื้องหลังความสำเร็จ ‘Core Banking Horizontal Scale Project’

 

แต่กว่าจะทำให้การใช้งานไม่มี Downtime ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่กระทบการให้บริการลูกค้า ไม่ว่าจะมีผู้ใช้งานมากขนาดไหนก็ตามภายใต้ความปลอดภัยสูงสุด ระบบ Core Banking ยังต้องทำงานประสานกันระหว่าง 183 แอปพลิเคชัน และ 2000 API ได้อย่างมีเสถียรภาพ 

 

“เราใช้ทีมงานกว่า 1,000 คน จาก 50 หน่วยงาน ร่วมแรงร่วมใจกันบริหารจัดการโครงการตลอด 22 เดือน มีการทดสอบระบบภายใต้กลยุทธ์ ‘ซ้อมให้เหมือนจริง’ มากถึง 21 ครั้ง โดยไม่ปิดระบบแม้แต่วันเดียว ใช้งบประมาณไปกว่า 4.5 พันล้านบาท” จรุงกล่าว

 

 

นพวรรณ ปฏิภาณจำรัส Managing Director กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวเสริมว่า โจทย์ใหญ่ของการปรับระบบ Core Banking ครั้งนี้คือ จะเปลี่ยนระบบอย่างไรโดยไม่ต้องปิดระบบ 

 

“การเพิ่มระบบ Core Banking เข้าไปอีกหนึ่งอันก็เหมือนใส่หัวใจอีกดวงเข้าไป และตัดต่อเส้นเลือดที่เดิมเคยหล่อเลี้ยงเฉพาะหัวใจดวงที่ 1 หรือ Core Banking เดิม ให้สามารถหล่อเลี้ยงหัวใจดวงที่ 2 หรือ Core Banking เพื่อให้ทำงานคู่กัน ไม่เพียงเท่านั้น ยังติดตั้ง ‘สมอง’ เพิ่มเพื่อการสั่งการ”

 

นพวรรณบอกว่า 4 หัวใจหลักที่ทำให้โครงการนี้สำเร็จภายในระยะเวลา 22 เดือนก็คือ ‘Team Collaboration’ การทำงานร่วมกันของบุคลากรกว่า 1,000 คนจาก 50 หน่วยงานทั้งหน่วยงานธุรกิจและไอที ภายใต้แนวคิด ‘One Team One Goal’ โดยมีการจัดตั้งทีม ‘Business Deployment’ เป็นสะพานเชื่อมการทำงานของทั้งสองฝั่ง รวมถึง ‘Core Team Agent’ ดูแลและบริการจัดการ 183 แอปพลิเคชัน เพื่อให้ทำงานสอดคล้องไปกับแผนงานของโครงการ

 

“หัวใจต่อมาคือ ‘Change Management’ อย่างที่บอกว่าโจทย์คือต้องไม่มีการปิดระบบ Core Banking ดังนั้นธุรกิจต้องเดินหน้าควบคู่ไปกับการขยายศักยภาพของระบบ ด้วยการเชิญบุคลากรระดับบริหารมาช่วยบาลานซ์ลำดับความสำคัญของแผนงาน โดยที่ธุรกิจยังเดินหน้าต่อและระบบทำงานต่อได้” 

 

ต่อมาคือ ‘Test Strategy’ นพวรรณบอกว่าใช้เวลาทดสอบระบบมากกว่า 10 เดือน” สิ่งที่ทำให้สำเร็จก็คือการเขียน Tool ขึ้นใหม่ เพื่อดูว่าสิ่งที่เคยไหลไปยัง Core Banking เดิม เมื่อไหลอยู่บน Core Banking ใหม่จะต้องทำงานเหมือนกันทุกประการ” 

 

และหัวใจสุดท้ายคือ ‘Deployment Strategy’ ซ้อมให้เหมือนจริงทั้ง 21 รอบ

 

 

แก้วกานต์ ปิ่นจินดา Deputy Managing Director – IT Service Availability กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) หนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลังการซ้อมให้เหมือนจริง บอกว่า สิ่งสำคัญคือ ‘แผนต้องยืดหยุ่นพอที่จะปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์’ ควบคู่ไปกับการใช้หลักการ ‘Prepare for the Worst, Work for the Best’ มีการจัดตั้ง War Room พร้อมผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมง มีแผนสำรองหลายระดับ และมีการซ้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

 

“ผลสำเร็จคือการซ้อมให้เหมือนจริงทั้ง 21 รอบ เราไม่มี Downtime ยิ่งไปกว่านั้นจากเดิมเราวางแผนตั้ง War Room เพื่อตั้งรับสถานการณ์ต่างๆ ไว้ที่ 3 เดือน แต่สุดท้ายเราสามารถปิด War Room ได้ภายใน 1 สัปดาห์” แก้วกานต์กล่าว

 

 

เหนือสิ่งอื่นใดเบื้องหลังความสำเร็จของการอัปเกรดระบบที่ใหญ่ ภูวดล ทรงวุฒิชโลธร Assistant Managing Director – Project Management กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) บอกว่า เกิดจากกลยุทธ์ 3C ได้แก่ Communication, Collaboration และ Commitment 

 

“การทำโปรเจกต์ขนาดใหญ่โดยมีคนที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก (Communication) การสื่อสารที่ชัดเจนและตรงประเด็นเป็นเรื่องสำคัญ ตลอดระยะเวลาของโครงการมีการประชุมกว่า 2,000 ครั้ง เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน และมีช่องทางสื่อสารฉุกเฉินพร้อมใช้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

“กลยุทธ์ต่อมาคือ Collaboration การทำงานร่วมกันทั้งทีมในองค์กรกว่า 1,000 คน ใน 50 หน่วยงาน ต้องสร้างวัฒนธรรมการแบ่งปันความรู้และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นอกจากนั้นยังร่วมมือกับหน่วยงานนอกอีกด้วย สุดท้ายคือ Commitment ทุกคนทุ่มเทเพื่อเป้าหมายที่ร่วมกันทำงานด้วยมาตรฐานสูงสุด พร้อมเผชิญและแก้ไขปัญหาทุกรูปแบบ” ภูวดลกล่าว

 

 

การผ่าตัดใส่หัวใจดวงใหม่เข้าไปจนประสบความสำเร็จครั้งนี้ เป็นเพียงก้าวสำคัญอีกหนึ่งก้าวภายใต้พันธกิจที่ไม่มีวันสิ้นสุดของ KBTG ที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำทางด้าน Mobile Banking ของประเทศไทย

 

นอกจากการเฝ้าติดตามดูแลระบบ Core Banking เพื่อให้มั่นใจว่าจะรองรับจำนวนผู้ใช้งานที่มากขึ้นแล้ว ขณะเดียวกัน KBTG ก็ไม่หยุดมองหาโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมออย่างแน่นอน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising