×

‘สุสานสตาร์ทอัพ’ ส่อเค้าโหดต่อเนื่องในปีนี้ หลังยอดปิดกิจการปี 2025 พุ่งทะลุ 900 ราย เหตุฟองสบู่ยุคโควิดเริ่มแตก

29.01.2025
  • LOADING...
แผนภูมิแสดงจำนวนสตาร์ทอัพปิดตัวปี 2025

ตลาดสตาร์ทอัพเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ในปี 2024 หลังพบตัวเลขการปิดกิจการพุ่งสูงถึง 966 ราย เพิ่มขึ้น 25.6% จากปี 2023 ที่มี 769 ราย สะท้อนให้เห็นถึง ‘ฟองสบู่’ การระดมทุนในช่วงยุคโควิดที่เริ่มแตกตัว โดยเฉพาะสตาร์ทอัพที่ได้รับเงินทุนมหาศาลในปี 2020-2021 แต่ขาดความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ

 

ข้อมูลจากหลายแหล่งชี้ไปในทิศทางเดียวกัน ทั้ง Carta และ AngelList ต่างรายงานตัวเลขการปิดกิจการที่เพิ่มสูงขึ้น โดย AngelList พบว่าในปี 2024 มีสตาร์ทอัพปิดตัว 364 ราย เมื่อเทียบกับปี 2023 ที่ 233 ราย หรือเพิ่มขึ้นถึง 56.2% แม้ Avlok Kohli ซีอีโอของ AngelList จะมองว่าตัวเลขนี้ยังถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับจำนวนบริษัทที่ได้รับเงินทุนทั้งหมด

 

Peter Walker หัวหน้าฝ่าย Insights ของ Carta วิเคราะห์ว่า ปัญหาหลักมาจากการที่กองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital: VC) ไม่ได้มีความแม่นยำในการเลือกลงทุนที่ดีขึ้นในช่วงปี 2021 แถมอัตราความสำเร็จในการลงทุนอาจแย่ลงกว่าเดิม เนื่องจากการตัดสินใจเร่งรีบท่ามกลางกระแสการลงทุนที่ร้อนแรง เมื่อมีการลงทุนในบริษัทจำนวนมากขึ้นแต่อัตราความสำเร็จยังเท่าเดิม จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นการปิดกิจการเพิ่มขึ้นหลังผ่านไป 2-3 ปี

 

Dori Yona ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง SimpleClosure ชี้ให้เห็นว่าปัญหาหลักเกิดจากสตาร์ทอัพได้รับเงินทุนก้อนใหญ่เร็วเกินไป ทำให้เกิดการเผาผลาญเงินอย่างรวดเร็วและมุ่งเน้นการเติบโตแบบ ‘เร่งเครื่องสุดกำลัง’ โดยไม่คำนึงถึงความยั่งยืน จนเกิดปัญหาเมื่อตลาดเปลี่ยนแปลงหลังยุคโควิด

 

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกรณีของ Pandion สตาร์ทอัพด้านการจัดส่งสินค้าที่ระดมทุนได้ถึง 125 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.24 พันล้านบาท) ในช่วง 5 ปี และ EasyKnock สตาร์ทอัพด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ระดมทุนได้ 455 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.54 หมื่นล้านบาท) ต่างต้องปิดตัวลงในช่วงต้นปี 2024

 

ข้อมูลจาก SimpleClosure เผยว่า 74% ของการปิดกิจการตั้งแต่ปี 2023 เป็นบริษัทในระดับ Pre-Seed และ Seed โดย 60% ไม่มีเงินทุนเหลือพอที่จะคืนนักลงทุน ส่วนที่วางแผนคืนเงินมีเงินเหลือเฉลี่ย 6.3 แสนดอลลาร์ (ประมาณ 21.36 ล้านบาท) หรือราว 10% ของเงินทุนที่ระดมได้

 

ด้านการกระจายตัวของอุตสาหกรรม Carta พบว่าบริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร (Enterprise Software as a Service: Enterprise SaaS) ได้รับผลกระทบมากที่สุดที่ 32% ซึ่งเป็นธุรกิจที่ให้บริการซอฟต์แวร์แบบคลาวด์สำหรับบริษัทขนาดใหญ่

 

ตามมาด้วยบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับผู้บริโภคทั่วไป 11% เฮลท์เทค 9% ฟินเทค 8% และไบโอเทค 7% สอดคล้องกับสัดส่วนการลงทุนในแต่ละภาคส่วน สะท้อนว่าทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบจากปัจจัยมหภาค โดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการขาดแคลนเงินทุนในปี 2023-2024

 

Walker คาดการณ์ว่าแนวโน้มการปิดกิจการจะยังคงสูงต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 และค่อยๆ ลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง โดยประเมินจากจุดสูงสุดของการระดมทุนในไตรมาสแรกของปี 2022 ขณะที่ Yona มองว่าปรากฏการณ์ ‘ซอมบี้เทค’ และ ‘สุสานสตาร์ทอัพ’ จะยังคงเป็นข่าวหน้าหนึ่งต่อไป เนื่องจากยังมีบริษัทอีกจำนวนมากที่ระดมทุนด้วยมูลค่าสูงแต่มีรายได้ไม่เพียงพอ

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising