いち อิจิโระ ซูซูกิ ซามูไรเบสบอลผู้เป็นที่รัก THE STANDARD

2 ปีที่ผ่านมาวงการเบสบอลได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปรากฏการณ์ของนักเบสบอลมหัศจรรย์ โชเฮ โอตานิ เพียงแต่โอตานิไม่ได้เป็นนักเบสบอลญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รับการยอมรับจากชาวอเมริกันและแฟนเบสบอลทั่วโลก

ก่อนหน้านี้เคยมีนักเบสบอลชาวญี่ปุ่นอีกคนหนึ่งที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปกว่า 6,596 ไมล์ เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนยอมรับในฝีไม้ลายมือ

‘Hit King’ อิจิโระ ซูซูกิ ซึ่งเพิ่งจะได้รับการโหวตเข้าทำเนียบหอเกียรติยศ (Hall of Fame) ของ National Baseball Hall of Fame and Museum เป็นนักกีฬาชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ได้รับเกียรติยศขั้นสูงสุดของวงการนี้

สำหรับแฟนเบสบอลแล้ว หากเอ่ยชื่อของซูซูกิ ภาพในความทรงจำที่ผุดขึ้นมาคือแบตเตอร์ผู้เก่งกาจ

สถิติตลอดการลงเล่นเขาตีไปถึง 3,089 ครั้ง

ลีลาการหวดลูกของเขาสุดยอดประหนึ่งเพลงดาบซามูไร ที่ไม่ใช่แค่เพียงแค่ดุดัน แต่ยังคมกริบ จับไม้เบสบอลได้ราวกับจับดาบคาตานะ

ผู้คนต่างยกย่องและตั้งสมญาให้เขาว่า Hit King

การตีที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ตินี้ไม่ได้เป็นเรื่องของพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่มาจากการฝึกฝนตัวเองอย่างต่อเนื่องของซูซูกิตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นเด็กในญี่ปุ่น โดยที่ยังคงรักษาวินัยเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

มากไปกว่านั้นคือความมานะพยายาม เพราะการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลหลายพันไมล์ เพื่อมาพิสูจน์ตัวเองใน MLB (Major League Baseball) ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับซูซูกิเมื่อปี 2001

แต่เขาเปิดตัวกับซีแอตเทิล มารีเนอร์ส ได้อย่างมหัศจรรย์ รุกกี้จากแดนอาทิตย์อุทัยคนนี้กลายเป็นผู้เล่นคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ต่อจาก เฟร็ด ลินน์ (บอสตันเรดซ็อกซ์, 1975) ที่คว้ารางวัล American League MVP และ Rookie of the Year Awards ได้ในฤดูกาลเดียวกัน หลังจากที่ตีได้ถึง 350 ครั้ง

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซูซูกิก็กลายเป็นหนึ่งในซูเปอร์สตาร์ของวงการ โดยที่ยังคงวางตัวดี สง่างาม และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายตามวิถีของชาวตะวันออก

ที่สำคัญคือน้ำใจ ไม่เคยคิดร้ายกับใคร

ตัวตนเช่นนี้ทำให้เขากลายเป็นนักกีฬาที่ไม่ใช่เพียงแค่ได้รับการยอมรับมากที่สุด

ซูซูกิเป็นซามูไรที่ไร้คู่ต่อกร ไม่ใช่เรื่องของฝีมืออย่างเดียว แต่ไม่มีใครที่คิดอยากจะเป็นศัตรูกับเขา ไม่มีเพื่อนในวงการคนไหนที่ไม่ชอบ ไม่มีแฟนเบสบอลทีมไหนที่ไม่รัก ไม่มีใครที่คิดร้าย มีแต่คนที่อวยพรและหวังดี อยากเห็นเขาประสบความสำเร็จ

ในวันดวงตะวันส่องฉาย ใครก็อยากมายลความสว่างไสวจากรัศมี

ในวันดวงตะวันจะลับฟ้า ผู้คนก็ยังอยากมาเฝ้าดูแสงสุดท้ายของเขาอยู่ดี

ความสวยงามของเรื่องราวการผจญภัยในสหรัฐอเมริกาคือการที่ซูซูกิไปสู่จุดสูงสุดกับมารีเนอร์ส ก่อนจะเดินทางไปนิวยอร์ก แยงกีส์, ไมอามี มาร์ลินส์ และวนกลับมาสู่จุดเริ่มต้นที่มารีเนอร์สอีกครั้ง

เป็นการเดินทางครบรอบของวัฏจักรชีวิต ที่ยอดนักกีฬาหลายคนคิด แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสแบบนี้

แม้กระทั่งเกมสุดท้ายของชีวิตการเป็นนักเบสบอลเมื่อปี 2019 ก็ยังเป็นเกมเดินสายของ MLB ที่กลับมาจัดที่โตเกียวโดมในประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิด และเป็นโอกาสที่งดงามที่สุดสำหรับนักเบสบอลในตำนานในวัย 45 ปี ที่ได้บอกรักและบอกลาทุกคนในคราวเดียวกัน

เป็นฉากสุดท้ายของนักเบสบอลผู้ยิ่งใหญ่และเป็นที่รักมากที่สุดคนหนึ่ง ผ่านเรื่องราวตลอด 19 ฤดูกาล

สิ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ทำให้เขาได้รับเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่

เริ่มจากการติดทำเนียบหอเกียรติยศของญี่ปุ่น (Japan Hall of Fame) ซึ่งเป็นปีแรกที่อายุของเขาถึงเกณฑ์จะได้รับการเสนอชื่อ โดยในการโหวตนั้นได้รับคะแนนถึง 323 จาก 349 คะแนน คิดเป็น 92.6 เปอร์เซ็นต์

ก่อนที่ชื่อของเขาจะกระหึ่มอีกครั้ง เมื่อติดทำเนียบหอเกียรติยศของ National Baseball Hall of Fame ซึ่งเป็นรางวัลที่มีเกียรติ เพราะผู้ที่โหวตให้คือผู้สื่อข่าวผู้ทรงคุณวุฒิจากสมาคมนักข่าวเบสบอลสหรัฐฯ (Baseball Writers’ Association of America)

แม้จะน่าเสียดายที่เขาพลาดการสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นผู้เล่นคนที่ 2 ที่ได้รับคะแนนโหวตเป็นเอกฉันท์ต่อจาก มาเรียโน ริเวรา เมื่อขาดไปเพียง 1 เสียงเท่านั้น โดยได้ 393 จาก 394 คะแนน คิดเป็น 99.7 เปอร์เซ็นต์

เรื่องนี้ทำเอาแฟนเบสบอลเป็นเดือดเป็นร้อนกันทั้งวงการ เพราะคิดว่านักเบสบอลผู้เป็นที่รักยิ่งอย่างซูซูกิไม่สมควรที่จะต้องพลาดโอกาสในการเป็นหนึ่งในนักเบสบอลผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ มีการตามหากันว่าใครคือคนที่โหวตสวน

โดยที่ตามกฎแล้วจะมีการเปิดเผยผลการโหวตว่าใครโหวตเห็นชอบหรือไม่ภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งโดยปกตินักข่าวหลายคนจะไม่ปิดบังว่าพวกเขาชอบใครและเห็นว่าใครควรจะได้รับเกียรติยศอันยิ่งใหญ่นี้บ้าง (ตามกฎจะต้องได้รับการโหวต 75 เปอร์เซ็นต์ จึงจะติดทำเนียบหอเกียรติยศ)

อย่างไรก็ดี ซูซูกิกลับฝากข้อความถึงนักข่าวคนนั้นว่า

“ผมได้รับการโหวตมากมายจากนักข่าวเหล่านี้ ผมซาบซึ้งอย่างมาก แต่มีคนหนึ่งที่ผมไม่ได้รับคะแนนจากเขา ผมอยากจะเชิญเขามาที่บ้าน เพื่อที่เราจะได้นั่งดื่มและพูดคุยกัน”

เป็นคำตอบที่สมกับเป็น อิจิโระ ซูซูกิ

สมชื่อ いち

คนที่หนึ่ง ผู้เป็นที่หนึ่ง

อ้างอิง: