วานนี้ (14 มกราคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการดำเนินมาตรการต่างๆ กรณีมีการคาดการณ์ว่าจะมีค่าฝุ่น PM2.5 สูงในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยระบุว่า คาดว่าอัตราการระบายอากาศ (VR) จะดีขึ้นต่อเนื่องไปประมาณ 3-4 วัน ทั้งนี้ ปัญหาส่วนหนึ่งของฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ มาจากการใช้รถยนต์ ขณะเดียวกัน ตอนนี้จะเห็นว่ามีการเผาชีวมวลในพื้นที่ด้านนอกมากขึ้น โดยในประเทศไทยเผาเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปีที่แล้ว
ในส่วนของกรุงเทพมหานครเดินหน้ามาตรการเกี่ยวกับรถยนต์ในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง / ไส้กรอง, โครงการ Low Emission Zone หรือห้ามรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป (ยกเว้น EV, NGV, EURO 5 และ 6) เข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษกภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งเตรียมพร้อมไว้แล้ว
เมื่อไรก็ตามที่ถึงเกณฑ์ กรุงเทพมหานครจะประกาศไม่ให้รถบรรทุกเข้ามาได้ ยกเว้น EV, NGV, EURO 5 และ 6 และรถที่ขึ้นบัญชีสีเขียว (Green List) ซึ่งปัจจุบันมีรถขึ้นทะเบียน Green List แล้วประมาณ 12,000 คัน อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง / ไส้กรอง ไม่มาก โดยกรุงเทพมหานครคาดไว้ 5 แสนคัน ตอนนี้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง / ไส้กรอง ประมาณ 2 แสนคัน
ชัชชาติกล่าวด้วยว่า อีกมาตรการหนึ่งที่เราจะปรับปรุงคือเรื่อง Work from Home (WFH) ซึ่งเดิมมาตรการ WFH เราใช้เกณฑ์ค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับสีแดง (ค่า PM2.5 ตั้งแต่ 75.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.)) 5 เขต และคาดการณ์ล่วงหน้า 2 วัน เป็นสีแดง 5 เขต จึงจะประกาศ WFH
แต่กรุงเทพมหานครคิดว่าเนื่องจากการ WFH เป็นเรื่องของความสมัครใจ ไม่ใช่การบังคับ เพราะฉะนั้นเราจะลดมาตรการลงเพื่อให้ประกาศ WFH ได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ การ WFH จะทำให้ปริมาณการจราจรในถนนลดลง ทำให้การจราจรติดขัดน้อยลง การปล่อยฝุ่นสะสมจะน้อยลงด้วย โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ประกาศ WFH ไปนั้น ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน 151 แห่ง หรือประมาณ 60,279 คน ร่วม WFH ตามประกาศ พบว่าปริมาณการจราจรในท้องถนนลดลงเกือบ 10%
ด้าน พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมถึงเกณฑ์การประกาศ WFH ว่า จะมีการพยากรณ์ล่วงหน้า 1 วัน หากพบค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับสีส้ม (ค่า PM2.5 ตั้งแต่ 37.6-75.0 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 35 เขตขึ้นไป (70% ของพื้นที่กรุงเทพฯ) อัตราการระบายอากาศไม่ดี คือน้อยกว่า 2,000 ตารางเมตรต่อวินาที และพบจุดความร้อน (จุดเผา) เกินวันละ 80 จุด ติดต่อกัน 3 วัน จะประกาศ WFH
ซึ่งกรุงเทพมหานครกำลังติดตามอย่างละเอียดสำหรับต้นสัปดาห์หน้าในวันจันทร์-อังคาร เนื่องจากเห็นว่าอัตราการระบายอากาศเริ่มไม่ค่อยดีตั้งแต่วันเสาร์-อาทิตย์ โดยจะแจ้งอีกครั้งหนึ่ง
ชัชชาติกล่าวต่อไปว่า การที่เราปรับเกณฑ์เช่นนี้ก็เพื่อให้คนเตรียมตัว ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่าย WFH ประมาณเกือบ 1 แสนคน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2 แสนคน จึงขอเชิญชวนหากใครอยากร่วมโครงการ สามารถลงทะเบียนกับกรุงเทพมหานครได้ผ่านลิงก์ https://bit.ly/3Nn25nR?r=qr โดยเราอยากให้บริษัทเข้าร่วมโครงการกับเรา เพื่อจะได้มีการประกาศจากบริษัทให้พนักงาน WFH ทั้งนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร โทร. 0 2203 2951
อีกแนวคิดหนึ่งซึ่งกำลังดำเนินการ โดยอยู่ในขั้นตอนของนักวิชาการคือ ตอนนี้เรามีโครงการรถไฟฟ้าทั่วกรุงเทพฯ แล้ว มีทางด่วนต่างๆ เยอะ จึงมีแนวคิดเกี่ยวกับการพ่นฝอยละอองโดยไม่ใช่เฉพาะตรงสถานี แต่ต้องขยายผลตามแนวรถไฟฟ้า เช่น สายสีเขียว สีเหลือง สีชมพู หรือทางด่วน ตลอดจนถนนลอยฟ้าต่างๆ ที่มีการจราจรติดขัดด้านล่าง
อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้อาจช่วยเรื่อง PM10 ที่สามารถแตกตัวเป็น PM2.5 ซึ่ง PM10 เป็นส่วนหนึ่งของการคำนวณค่า AQI และอาจมีผลต่อด้านอื่น ทั้งนี้ ต้องให้มั่นใจก่อนว่าฝอยละอองน้ำช่วยได้จริงหรือไม่ โดยจะรวบรวมหลักฐานทางวิชาการเพื่อยืนยันให้ชัดเจนแล้วจึงจะออกแบบทั้งระบบ เพราะฉะนั้นโครงการนี้ปีนี้อาจไม่ทัน ต้องขอให้ข้อมูลชัดเจนก่อน เนื่องจากจะเป็นโครงการขนาดใหญ่
ชัชชาติกล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมระดับประเทศ รัฐบาลเองก็เอาจริงเอาจัง ซึ่งหากมีมาตรการทางกฎหมายเข้มข้นว่าคนเผาผิดกฎหมายก็น่าจะเป็นแรงจูงใจได้ ส่วนในระดับกรุงเทพมหานคร การเผาในพื้นที่แทบจะไม่มีแล้ว เราควบคุมได้ค่อนข้างดี เชื่อว่าการดำเนินการเหล่านี้จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งต้องช่วยกันหลายฝ่าย ต้องมีความร่วมมือกับหลายภาคส่วน ทั้งรัฐบาลและการใช้เทคโนโลยีอย่างฝนหลวง โดยกรุงเทพมหานครประสานความร่วมมือกับทุกคนเพื่อหาทางออกให้ดีที่สุด
ในส่วนของประชาชนพบว่ามีความตื่นตัว ใส่หน้ากากป้องกันฝุ่น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการป้องกันตัวเองจากฝุ่น ซึ่งในช่วงที่ค่าฝุ่นสูงแล้วเราหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ควรใส่หน้ากากก่อนออกจากบ้าน เพราะช่วยบรรเทาได้
ด้านรถเมล์ควันดำ สั่งการให้ไปตรวจทุกอู่ คันไหนที่มีควันดำเกินค่ามาตรฐานไม่ให้ออก หากเป็นรถบรรทุกให้ติดตามถึงไซต์ก่อสร้าง เมื่อพบควันดำเกินค่ามาตรฐานให้หยุดการก่อสร้าง ซึ่งเราเคยทำไปแล้วในกรณีรถบรรทุกน้ำหนักเกิน และต่อไปจะขยายผลไปยังรถบรรทุกที่ปล่อยควันดำด้วย เพื่อให้เจ้าของงานร่วมรับผิดชอบไม่จ้างรถควันดำ กรุงเทพมหานครจะตรวจอย่างเต็มที่ ส่วนประชาชนสามารถร่วมเป็นหูเป็นตาได้ โดยหากพบรถบรรทุกควันดำให้แจ้งผ่าน Traffy Fondue