วันนี้ (24 ธันวาคม) สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลชน เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงถามคำตอบจากการยื่นหนังสือถึง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณียกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย
สนธิกล่าวว่า ครบกำหนด 15 วันแล้ว ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้าง ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อ ครม. หรือจัดให้ ครม. พิจารณา เพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆ ว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน
ดังนั้นมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและ ครม. ยังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้อง จนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย รวมทั้งเห็นว่ามีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้ได้รับความเสียหาย มวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควร เพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป
พร้อมเรียกร้องทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง
จากนั้นสนธิ ปานเทพ และแกนนำ ได้ยื่นหนังสือพร้อมทวงถามความคืบหน้า โดยมี สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนรับหนังสือ
สนธิกล่าวด้วยว่า การมาวันนี้เพราะไม่ยอมรับคำตอบของรัฐบาลที่ตอบมาแบบง่ายๆ จากนี้จะรอให้ได้คำตอบ และการเดินทางของกลุ่มมวลชนจะมีต่อไป จะเรียกร้องทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง เพราะมีหลายประเด็นที่เหมือนเอาเท้าขยี้กฎหมาย เช่น ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ปัญหาเขากระโดง และปัญหาต่างด้าว โดยมีพรรคประชาชนชักศึกเข้าบ้าน
ด้านปานเทพกล่าวว่า ในการหารือครั้งนี้ตนได้ตั้งคำถามไป 2 ข้อว่า
- ถ้าไม่มี MOU 2544 การเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชาจะเป็นไปตามกฎหมายทะเลสากลที่ระบุว่า ถ้าไม่มีเส้นเขตแดนอื่น ให้ใช้เส้นมัธยะหรือเส้นกลางเท่านั้น คือเส้นที่เป็นไปตามพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ปี 2516 หรือไม่
- รัฐบาลบอกว่า ยังเป็นแค่กรอบการเจรจา แล้วพื้นที่พัฒนาร่วมตาม MOU 2544 ทำไมตกลงพื้นที่กันแล้ว ซึ่งรวมถึงพื้นที่ 16,000 ตารางกิโลเมตร จะยุติเรื่องผลประโยชน์ ทั้งๆ ที่ตรงนั้นมีพื้นที่ไหล่ทวีปของประเทศไทยอยู่ และไปแบ่งให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาได้อย่างไร
บอก นายกฯ ตอบไม่ตรงคำถาม
เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วได้คำตอบกลับมาว่าอย่างไร ปานเทพกล่าวว่า ตนได้รับหนังสือตอบกลับมา ซึ่งไม่ตรงกับคำถาม ขอให้รัฐบาลตอบกลับมาให้ตรงคำถาม หากกระทำความผิด ตนจะไปดำเนินคดีความต่อเอง วันนี้ได้รับคำตอบแค่ว่า เขารับรู้ว่าเราไม่เห็นด้วย นายกฯ เคยบอกว่า พร้อมจะพูดคุยกับสนธิ แต่เมื่อถึงเวลากลับบอกว่า เวทีสาธารณะไม่ต้อง เพราะมีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่แล้ว ตกลงนายกฯ นอกจากอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่องแล้ว ท่านจำความสั้นด้วยหรือไม่
ส่วนจะมีเส้นตายหรือไม่ ปานเทพกล่าวว่า ไม่มีเส้นตาย เมื่อยื่นไปแล้วภายในสิ้นปีนี้ไม่มีคำตอบเป็นอย่างอื่น ก็แปลว่านายกฯ ไม่ตอบ วันนี้ไม่ได้เกณฑ์คนมายังมีประชาชนมาอย่างล้นหลาม ถ้าไม่ตอบคำถามและไม่ปฏิบัติไปเรื่อยๆ แสดงว่าอยากเห็นพวกเราลงถนนใช่หรือไม่ และในปี 2568 เราจะมีการนัดกัน 2 ที่ คือ รัฐสภา และกระทรวงการต่างประเทศ หากยังไม่คืบหน้าอาจไปที่กองทัพเรือ พร้อมฝากถึงนายกฯ ว่า “อ่านหนังสือให้เยอะๆ”