วันนี้ 23 ธันวาคม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สรุปผลการจดทะเบียนธุรกิจใหม่สะสม 11 เดือน (มกราคม-พฤศจิกายน 2567) พบว่า แม้เศรษฐกิจชะลอ แต่ยอดจดทะเบียนในไทยปีนี้ยังเติบโตที่ 83,000 ราย โตขึ้น 2.37% โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายนพบว่า จดทะเบียน 6,266 ราย โตขึ้น 4.80% โดยในเดือนนี้มีนิติบุคคลที่จดทะเบียนทุนสูงเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 3 ราย คือ
- บริษัท วัฒนาเวชวิวัฒน์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 1,241 ล้านบาท
- บริษัท หย่าตง (ไทยแลนด์) จำกัด ทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท
- บริษัท ซิโน-ไทย เทคโนโลยี อินดัสเทรียล ปาร์ค กรุ๊ป (ไทยแลนด์) ทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท
ดังนั้นคาดว่าตลอดปี 2567 ยอดจัดตั้งธุรกิจใหม่จะแตะเป้าหมายที่ 90,000 ราย ขณะที่การลงทุนของชาวต่างชาติ 11 เดือน แตะ 2.14 แสนล้านบาท โดยแน่นอนว่าญี่ปุ่นยังคงครองแชมป์ลงทุนอันดับ 1 ในไทย ดังนี้
- ญี่ปุ่น 239 ราย (27%) ลงทุน 119,057 ล้านบาท
- สิงคโปร์ 120 ราย (14%) ลงทุน 16,332 ล้านบาท
- จีน 117 ราย (13%) ลงทุน 16,674 ล้านบาท
- สหรัฐอเมริกา 115 ราย (13%) ลงทุน 23,555 ล้านบาท
- ฮ่องกง 62 ราย (7%) ลงทุน 14,508 ล้านบาท
ส่วนการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ปี 2567 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 281 ราย คิดเป็น 32%
อย่างไรก็ตาม วันนี้หลายสำนักเศรษฐกิจออกมาคาดการณ์ว่า ‘เศรษฐกิจไทย’ ปี 2568 จะยังเติบโตได้จากภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และมาตรการภาครัฐ แต่การเติบโตนั้นอาจเป็นการโตในอัตราที่ ‘ต่ำ’ และยังคงเหนื่อยต่อไป
อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ภาคธุรกิจยังคงต้องเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่องทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ การทำธุรกิจในอนาคตต้องยืดหยุ่นพร้อมเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิต ใช้ Data เป็นตัวช่วยตัดสินใจทางธุรกิจ และปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวโน้มธุรกิจที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องติดตามข่าวสารแนวโน้มเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากภาคธุรกิจถือเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งก่อนจะไปถึงปีหน้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า THE STANDARD WEALTH สรุปข้อมูลธุรกิจดาวรุ่งในปีนี้ และธุรกิจที่ต้องปรับตัว เสี่ยงปิดกิจการ เข้าสู่ภาวะถดถอย ในปี 2568 พร้อมวิเคราะห์สาเหตุดังต่อไปนี้
ภาพประกอบ: กริน วสุรัฐกร