แหล่งข่าวระดับสูงในตลาดทุนเปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า คาดว่าภายในสัปดาห์นี้สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เตรียมออกแถลงการณ์เกี่ยวกับจุดยืนของหลักการธรรมาภิบาล (CG) ในตลาดทุน หลังจากเกิดกรณีที่ บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า หรือ CPAXT ประกาศดีลการลงทุน โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 8 พันล้านบาท เพื่อถือหุ้น 95% ร่วมกับบริษัท เอ็มคิวดีซี ทาวน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่ถือหุ้นอีก 5% ร่วมลงทุนในบริษัท แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์ จำกัด เพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-use Development) ชื่อโครงการ Happitat
โดยมีการตั้งข้อสังเกตและยังสงสัยว่าการลงทุนของ CPAXT มีความเหมาะสมหรือมีความโปร่งใสเพียงพอหรือไม่ รวมทั้งเข้าข่ายรายการที่เกี่ยวโยงกัน (Related Party Transaction: RPT) หรือไม่ เนื่องจากมีการนำเงินของผู้ถือหุ้นโดยเฉพาะรายย่อยที่นำไปใช้กับธุรกิจในครอบครัว แม้ว่าก่อนหน้านี้ CPAXT ออกมาชี้แจงว่ารายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยง และขนาดของรายการไม่เข้าข่ายเป็นรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ที่มีนัยสำคัญตามข้อกำหนดของประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
“เรื่องดีลของ CPAXT ที่ไปลงทุนในโครงการ Happitat ซึ่งเป็นธุรกิจในครอบครัวในเครือของผู้ถือหุ้น ซึ่งบริษัทก็ออกมาชี้แจงว่าไม่เข้าข่าย RPT แต่หลักการอยู่ที่สำนักงาน ก.ล.ต. เป็นผู้ตัดสินว่าจะเข้าข่าย RPT หรือไม่ เพราะอยู่ใน พ.ร.บ.หลักทรัพย์ มาตรา 89 ซึ่ง ก.ล.ต. มีอำนาจชี้ถูกหรือชี้ผิด จึงควรออกมาชี้ขาดให้สังคมรับรู้ ให้ความชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส หากเข้าข่าย RPT ทาง CPAXT ลงทุนได้ แต่ก็มีหน้าที่ในการทำตามเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ก.ล.ต. กำหนดไว้ ซึ่งการพิจารณาว่าเคสจะเข้าข่าย RPT หรือไม่ อาจไม่ได้ดูแค่โครงสร้างการตั้งบริษัทร่วมทุนที่ CPAXT ถือหุ้นใหญ่ 95% จุดนี้อาจทำให้ไม่เข้าข่าย RPT แต่ควรต้องเข้าไปดูรายละเอียดเชิงลึกต่างๆ ในหลายประเด็นของสัญญาในการร่วมทุนธุรกิจด้วย เช่น มีข้อมูลมัดหรือกำหนดความรับผิดชอบอะไรบ้าง ราคาของหุ้นที่ลงทุนในดีลนี้ มีการนำเงิน 8 พันล้านบาทไปลงทุนในธุรกิจอะไร ถือเป็นหน้าที่ของ ก.ล.ต. ที่ต้องเข้ามาตรวจสอบ” แหล่งข่าวกล่าว