วันนี้ (13 ธันวาคม) แสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวในงานสัมมนาให้ความรู้สื่อมวลชนในการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.)
แสวงระบุว่า สิ่งที่เป็นปรากฏการณ์ในการเลือก ส.อบจ. และนายก อบจ. แปลกประหลาดกว่าที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุผลเรื่องกฎหมาย คือให้พรรคการเมืองเข้ามามีส่วนในการเลือกตั้งท้องถิ่น ส่งหรือสนับสนุนผู้สมัครได้
แสวงชี้ว่า เห็นได้จากการที่นายก อบจ. ทยอยลาออก และจัดเลือกตั้งไปแล้วกว่า 29 จังหวัด ดังนั้นจังหวัดดังกล่าวจะมีการจัดเลือกตั้ง 2 ครั้ง ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น และอาจมีผลกระทบกับการบริหาร อบจ. โดยที่คนลาออกไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น อีกทั้งบางจังหวัดที่รอการเลือกตั้งอาจจะกระทบกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ ด้วย เพราะหากประกาศผลการเลือกตั้งนายก อบจ. แล้วก็ต้องรอแถลงนโยบายต่อ ส.อบจ. เนื่องจาก ส.อบจ. จะครบวาระในวันที่ 19 ธันวาคมนี้ ทำให้จะมีอย่างน้อย 4 จังหวัดที่ต้องรอการเลือกตั้ง ส.อบจ. เดือนกุมภาพันธ์ให้เสร็จสิ้นก่อน
ขณะนี้ยังมี 76 จังหวัดที่ต้องเลือก ส.อบจ. และ 47 จังหวัดที่ต้องเลือกนายก อบจ. ทั้งนี้ ประชาชนจะได้รับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบทุกจังหวัด โดยมีทั้งหมด 8 สี แบ่งเป็นภาคละ 2 สี เพื่อป้องกันการทุจริตและป้องกันความสับสน ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดพิมพ์บัตร
“ที่ผ่านมาการเลือกตั้งนายก อบจ. แทนตำแหน่งที่ว่างค่อนข้างเงียบ เพราะเป็นการเลือกตั้งเฉพาะจังหวัด จึงมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อย แต่ก็เกิน 50% ทุกจังหวัด และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเรื่องร้องเรียนและการทำผิดกฎหมายน้อยมาก แต่การเลือกตั้งพร้อมกันในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่เราก็มีมาตรการ เพราะเราเห็นความสำคัญของการเลือกตั้ง บางครั้งเรียกว่าเป็นความมั่นคงของชาติถ้าเป็นไปด้วยความสุจริตและเรียบร้อย” แสวงกล่าว
แสวงกล่าวต่อไปว่า การเลือกตั้งถ้าเป็นที่ยอมรับ สิ่งแรกที่ควรจะมีและเป็นหลักสากลของโลกคือ ‘ความโปร่งใส’ เราจึงเอาความโปร่งใสเข้าไปอยู่ในทุกกระบวนการการเลือกตั้งทุกอย่าง สิ่งสำคัญในการแข่งขันแบบนี้คือการให้ความรู้ ให้ทุกคนรู้เหมือนกัน รู้เท่ากัน ขจัดปัญหาจุดยืนทางการเมืองและข่าวปลอม เพราะการเลือกตั้งทุกครั้งจะมีการวิจารณ์ ซึ่งหากวิจารณ์ในความรู้ที่ต่างกันก็จะทำให้เกิดข่าวปลอม
“อยู่ตรงนี้พูดไม่ได้ทุกเรื่อง เพราะไม่เหมือนงานประชาสัมพันธ์ หน้างานเราคือการจัดการเลือกตั้ง แต่หากเรื่องเดียวกันมีสำนวนเข้ามาอยู่ด้วยก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผย ท่านอาจจะมองว่าเราไม่โปร่งใส แต่กระบวนการยุติธรรมมันต้องถูกที่ถูกเวลาก่อนถึงจะเปิดเผยได้ คุ้มครองคนทั้งฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้อง“ แสวงระบุ
แสวงระบุด้วยว่า การสืบสวนสอบสวนของ กกต. เป็นไปตามกำหนดระยะเวลา ดำรงซึ่งความชอบธรรม และให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าทำไมใช้เวลานาน อย่างกรณีของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. ก็ต้องใช้เวลา คงจะมีคำตอบในเร็วๆ นี้ พร้อมยืนยันว่าการออกกฎหมายของ กกต. ยึดถือความถูกต้อง การเลือกตั้งคือความมั่นคงของชาติอย่างหนึ่ง หากการเลือกตั้งล้มเหลว คนที่ได้รับการเลือกตั้งก็ไม่มีความชอบธรรมในการบริหารบ้านเมืองหรือเป็นตัวแทนของประชาชน
หลังจากนั้นสื่อมวลชนถามถึงความคืบหน้าในคำร้องยุบพรรคการเมืองที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กกต. แสวงระบุว่า ขณะนี้มีหลายคำร้องและมีผู้ถูกร้องหลายพรรคการเมือง จึงอยู่ในระหว่างที่คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และต้องให้โอกาสทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องได้ชี้แจง แสดงพยานหลักฐาน ซึ่งในชั้นการสอบสวนส่วนตัวไม่ทราบว่าเชิญใครมาให้ข้อมูลบ้าง แต่ได้เร่งรัดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
สื่อมวลชนถามว่าจะไม่มีแรงกดดันจากการเมืองใช่หรือไม่ แสวงตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ใครจะมากดดัน กกต. ได้”