ถ้าใครบอกว่าคนกรุงเทพฯ ไม่ชอบตื่นเช้า Steve Lim คงต้องขอค้าน เพราะทุกวันศุกร์และอาทิตย์ เขาและเพื่อนๆ กว่า 500 คนจะมารวมตัวกันที่หน้าร้าน % Arabica สาขาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เพื่อวิ่งออกกำลังกายและแชร์พลังงานบวกให้กัน Steve เล่าให้เราฟังด้วยรอยยิ้มว่า เมื่อต้นปี 2024 เขาและเพื่อนสนิทอีก 2 คนแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการวิ่งเลย แต่อยากลองทำอะไรใหม่ๆ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น จึงชวนกันก่อตั้ง Sabai Run Club ขึ้นมา โดยไม่คาดคิดว่าจะกลายเป็นคอมมูนิตี้ที่ใหญ่ขึ้นทุกสัปดาห์ขนาดนี้
Steve Lim
จากจุดเริ่มต้นเพียง 3 คนที่อยากวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า Sabai Run Club กลับเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนกลายเป็นคลับวิ่งขนาดใหญ่หลายร้อยคน ด้วยสมาชิกทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มาร่วมวิ่งกันทุกสัปดาห์
สิ่งที่ทำให้คลับนี้โดดเด่นคือบรรยากาศสบายๆ สไตล์ไทยๆ ที่สะท้อนผ่านโลโก้พริกน้อยถือแก้วกาแฟ หรือที่พวกเขาเรียกว่า ‘Chill Chili’ นั่นเอง ต้องบอกว่าแม้จะวิ่งแค่ 3 กิโลเมตร แต่มิตรภาพและรอยยิ้มที่ได้แลกเปลี่ยนกันระหว่างทางยาวนานกว่านั้นมาก
ช่วยแนะนำตัวหน่อย
Steve Lim: ผมชื่อ Steve Lim เกิดและเติบโตที่นิวซีแลนด์ พ่อกับแม่เป็นคนกัมพูชาเชื้อสายจีน ผมย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ได้ 2 ปีแล้ว แรกเริ่มทำงานในวงการการเงิน แต่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ นายแบบ และนักแสดงเต็มตัว
ผมชอบนำเสนอแง่มุมการใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ที่แตกต่างจากที่ชาวตะวันตกเข้าใจ เพราะเมื่อพูดถึงกรุงเทพฯ หรือประเทศไทย คนมักจะนึกถึงแต่ปาร์ตี้และความบันเทิง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมทำเลย ผมเป็นคนใส่ใจสุขภาพ ชอบชกมวยตอนเช้า มีเพื่อนดีๆ ออกไปกินอาหารดีๆ นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้ผู้คนได้เห็นกรุงเทพฯ
เมื่อผมเริ่มแชร์การใช้ชีวิตส่วนตัวบนโลกออนไลน์ก็มีคนชอบ มันเลยทำให้คลับเติบโตขึ้น ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ตั้งใจไว้แต่แรก ผมแค่อยากแสดงให้เห็นว่าการใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ของผมเป็นอย่างไรมากกว่า
นั่นเลยเป็นที่มาของ Sabai Run Club?
Steve Lim: ใช่ จะบอกว่าผมเพิ่งเริ่มวิ่งแค่ 2 สัปดาห์ก่อนก่อตั้งชมรม ช่วงต้นปี 2567 ผมและเพื่อนอีก 2 คนอยากทำอะไรใหม่ๆ อยากมีสุขภาพที่ดีขึ้นและกระฉับกระเฉงมากขึ้น ตอนนั้นเราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการวิ่ง ไม่รู้เรื่องเพซ การแบ่งกลุ่มความเร็ว หรือการฝึกซ้อม เราแค่อยากออกไปสนุกและวิ่งในตอนเช้า
เราเลยเริ่มชวนเพื่อนๆ ที่มีความคิดเหมือนกัน ไม่เคยวิ่ง แต่คิดว่าถ้ามาด้วยกันหลายคนก็จะสนุกดี จึงกลายเป็นคอมมูนิตี้วิ่งสำหรับคนที่ไม่ใช่นักวิ่ง เราเลยตั้งชื่อว่า Sabai Run Club เริ่มจาก 3 คน และเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะเราพบว่ามีคนในกรุงเทพฯ อีกนับแสนที่อยากทำแบบนี้เหมือนกัน
เราก่อตั้งคอมมูนิตี้สำหรับตัวเองและเพื่อนๆ แต่ก็เติบโตขึ้นอย่างน่าตกใจ ตอนแรกเราคิดว่าใน 4 เดือนคงมีคนมาร่วม 30-40 คน แต่ตอนนี้แต่ละสัปดาห์มีคนมาวิ่งกับเรา 500-600 คนเลยทีเดียว
ทำไมถึงเลือกวิ่งวันศุกร์และอาทิตย์
Steve Lim: เพราะวันศุกร์เป็นการเริ่มต้นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ดี เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นและเฝ้ารอคอย เป็นวันสุดท้ายของการทำงาน การทำอะไรดีๆ ในตอนเช้ามันทำให้เรารู้สึกดีมาก ส่วนวันอาทิตย์เป็นการปิดท้ายสัปดาห์ที่ดี ผู้คนมาดื่มกาแฟ พูดคุยกับเพื่อน หรือได้พบเจอเพื่อนใหม่ๆ หลังจากนั้นก็ไปกินบรันช์หรือมื้อกลางวันด้วยกัน
คิดว่าอะไรที่ทำให้ Sabai Run Club แตกต่างจากคลับวิ่งอื่นๆ ในกรุงเทพฯ
Steve Lim: ในกรุงเทพฯ มีคลับวิ่งหลายกลุ่ม ผมคิดว่าใหญ่ที่สุดคือ Sabai Run Club อันดับหนึ่ง ตามด้วย Cruise Control Run Club และ Meep Meep Run Club สิ่งที่ทำให้เราแตกต่างคือเราเปิดกว้างสำหรับทุกคน คลับอื่นๆ แม้จะใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร แต่เวลาจัดกิจกรรมจริงๆ ส่วนใหญ่จะพูดภาษาไทย
สำหรับชาวต่างชาติที่อยู่ในไทยหรือนักท่องเที่ยว การเข้าสังคมค่อนข้างยาก แต่ที่ Sabai Run Club เราต้อนรับทุกคน ทั้งชาวต่างชาติที่อยู่ในไทย นักท่องเที่ยว คนไทย นักวิ่งมือใหม่และนักวิ่งที่เก่าแล้ว ที่นี่ผู้คนมาเพื่อเข้าสังคมและพบปะผู้คนใหม่ๆ ในขณะที่ชมรมอื่นๆ จะค่อนข้างจริงจังกับการวิ่ง เราเน้นการวิ่งระยะสั้นและการพบปะสังคม
ที่สุดแล้วใครๆ ก็วิ่งได้ ใครๆ ก็ตั้งชมรมวิ่งได้ แต่สิ่งที่ทำให้คลับมีความหมายคือผู้คน เราสามารถรวบรวมคนดีๆ มากมายที่กลับมาวิ่งกับเราซ้ำทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
แล้วเราจัดการคอมมูนิตี้อย่างไร จากทีมงาน 3 คนแต่ต้องดูแลนักวิ่งเป็นร้อย
Steve Lim: ตอนเริ่มต้นเรามีกันแค่ 3 คน เราต้องการคนถ่ายคอนเทนต์ แบ่งเป็น 2 กลุ่มเท่านั้น พวกเราต้องวิ่งขึ้นลงเพื่อถ่ายคอนเทนต์และต้องดูแลนักวิ่งด้วย ผมจำได้ว่าวันหนึ่งมีคนมาแค่ 5 คน แต่วันอาทิตย์ถัดมามีคนมา 64 คน เราคิดว่า “ตายแล้ว เราจะจัดการอย่างไร” หลังจากนั้นเราก็เริ่มประกาศทาง Instagram เพื่อหาอาสาสมัคร ถามว่าใครอยากช่วย Sabai Run Club บ้าง
ตอนเริ่มต้นไม่มีใครในคลับเป็นนักวิ่งเลย เราเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน จากกลุ่มอาสาสมัคร 3 คน ตอนนี้เรามี 41 คน ตอนช่วงเริ่มต้นเราแบ่งกลุ่มวิ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่ม 1, กลุ่ม 2 และกลุ่มเดิน แต่ตอนนี้เรามี 9-12 กลุ่มเพื่อรองรับทุกเพซและทุกคนที่อยากเข้าร่วม ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะอาสาสมัครของเรา
นักวิ่งในคลับมีสัดส่วนคนไทยและชาวต่างชาติอย่างไรบ้าง
Steve Lim: ผมคิดว่าประมาณ 60% เป็นคนไทย 30% เป็นชาวต่างชาติที่อยู่ในเมืองไทย และ 20% เป็นนักท่องเที่ยว ทุกสัปดาห์เรามีคนจากสิงคโปร์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมวิ่งกับเราด้วย
รูปแบบการวิ่งแต่ละครั้งเป็นอย่างไร
Steve Lim: เรานัดพบกัน 15 นาทีก่อนเวลาวิ่ง วันศุกร์เจอกันตอนเวลา 07.15 น. วันอาทิตย์เวลา 07.45 น. จากนั้นจะมีการบรีฟและแบ่งกลุ่มความเร็ว บางครั้งมีกลุ่มความเร็วเพซ 5 สำหรับคนที่อยากวิ่งเร็วจริงๆ และมีกลุ่มเพซ 9 นาที หลังวอร์มอัพเสร็จเราจะแยกกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีอาสาสมัคร 1-3 คนคอยช่วยเหลือ หลังวิ่งเสร็จเรากลับมาที่ร้าน % Arabica นั่งดื่มกาแฟและพูดคุยกัน
ทำไมถึงวิ่งแค่ 3 กิโลเมตร ไม่สั้นไปเหรอ
Steve Lim: สำหรับเรามันอาจจะสั้น แต่สำหรับคนที่ไม่เคยวิ่งมันถือว่าไกลพอสมควร หลายคนในกลุ่มที่วิ่งเร็วๆ มักจะวิ่งมาก่อนตารางซ้อมหรือวิ่งต่อหลังซ้อมวิ่งเสร็จ เพื่อทำแทนวอร์มอัพหรือคูลดาวน์ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยวิ่งมาก่อน 3 กิโลเมตรก็ถือว่ามากพอแล้วครับ
แล้วคุณมาร่วมกับร้าน % Arabica ได้อย่างไร
Steve Lim: เหตุผลที่เรารวมตัวกันที่นั่น เพราะที่ร้านมีพื้นที่รองรับคนจำนวนมากและเป็นพื้นที่ดีๆ สำหรับการพบปะสังสรรค์ เราไม่ได้มีพาร์ตเนอร์ชิปกับ % Arabica หรือสปอนเซอร์ใดๆ แต่ทางร้านยินดีให้เราใช้พื้นที่ส่วนนี้เท่านั้น
เราชอบโลโก้ของคุณนะ เล่าเกี่ยวกับโลโก้ของ Sabai Run Club ให้ฟังหน่อยสิ
Steve Lim: โลโก้ของเราเป็นพริก เราเรียกตัวละครนี้ว่า Chill Chili เราต้องการสื่อถึงความเป็นไทย ธรรมชาติที่สบายๆ ของคนไทย เราเลยคิดว่าอะไรที่เป็นตัวแทนความเป็นไทย ก็เลยนึกถึงพริก เพราะในส้มตำหรืออาหารไทยก็มีพริกทั้งนั้น นี่จึงเป็นพริกที่ถือแก้วกาแฟ
เรามี Chill Chili และเพื่อนอีกสองตัว หนึ่งในนั้นคือผม อีกตัวมีหนวดเป็นเพื่อนผมที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และอีกตัวเป็นพริกผมยาวใส่ผ้าคาดผมนั่นคือ Emiko อีกผู้ร่วมก่อตั้งที่ดูแลด้านการออกแบบทั้งหมด
เมื่อคิดถึงการตลาด เราอยากได้อะไรที่เชื่อมโยงกับคนไทย แต่ก็ต้องน่ารักและเป็นกันเอง เพื่อให้ผู้คนรู้สึกผูกพัน เพราะถ้าดูชมรมวิ่งในโลกตะวันตก อย่างเช่น ในนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส หรือฮาวาย พวกเขาดูจริงจังมาก พวกเขาบอกว่าสบายๆ เป็นกันเอง แต่แบรนดิ้งสำคัญ เราจึงอยากได้อะไรที่ผู้คนจะรู้สึกเชื่อมโยงได้
คุณรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้คลับของคุณใหญ่ที่สุดในเอเชีย
Steve Lim: อย่างไม่เป็นทางการนะครับ ผมคิดว่าการอยู่ในวงการชมรมวิ่ง คุณต้องเข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นรอบโลกด้วย ต้องดูเทรนด์ในอเมริกาหรือออสเตรเลีย และต้องดูว่ามีชมรมวิ่งอะไรบ้างในไทย ในกรุงเทพฯ และในเอเชีย
ผมใช้เวลาออนไลน์มากในการค้นคว้าเกี่ยวกับชมรมวิ่งอื่นๆ ในเอเชียและทั่วโลก ภายใน 1 เดือนเราก็กลายเป็นชมรมวิ่งที่ใหญ่ที่สุดในไทย ใน 3 เดือนเรามีคนมาวิ่งแต่ละสัปดาห์ 500-600 คน ผมไม่เห็นชุมชนอื่นในเอเชียที่เป็นแบบนี้ ตามความรู้ของผม เราเป็นชมรมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และน่าจะเป็น 1 ใน 10 หรืออาจจะ 5 อันดับแรกของโลก
ที่แน่ๆ คือเราชอบที่คุณใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสารกับคนอื่นๆ
Steve Lim: เราใช้แค่ Instagram เท่านั้น ตอนแรกเป็นแค่เพื่อนและเพื่อนของเพื่อน มีคนชวนเพื่อนๆ มา การเติบโตเป็นไปอย่างออร์แกนิก เราไม่เชื่อในการโปรโมตหรือสปอนเซอร์แบบคลับวิ่งอื่นๆ ในกรุงเทพฯ เราเชื่อว่าทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างธรรมชาติ เพราะเราให้คุณค่ากับการรวมคนที่จริงใจ ไม่ใช่การโพสต์สปอนเซอร์ ผู้คนจึงสัมผัสได้ถึงความจริงใจในสิ่งที่เราทำ
ตอนนี้เราโตเร็วมากจนต้องหยุดโพสต์วิดีโอใน Instagram Reels ไป 3 เดือนแล้ว เพราะมันไวรัลมากเกินไป เราต้องการเติบโตในอัตราที่เหมาะสม เพราะถ้าโตเร็วเกินไป คุณภาพของการวิ่งและผู้คนอาจควบคุมได้ยาก ส่วนใหญ่คนที่มาวิ่งจะโพสต์ในโซเชียลมีเดียของพวกเขา เราแค่แชร์เท่านั้น
อยากรู้แผนการในอนาคตของ Sabai Run Club
Steve Lim: สำหรับเรา การให้ความสำคัญกับคอมมูนิตี้มาเป็นอันดับแรกเสมอ คนทำให้ Sabai เป็น Sabai Run เราฟังเสียงของคอมมูนิตี้ เมื่อคนอยากเห็นอะไรที่แตกต่าง เราก็ปรับตัวเพื่อพวกเขา เช่น ตอนเริ่มต้นเรามีกลุ่มเดินและกลุ่มวิ่งช้า แต่เมื่อชุมชนต้องการวิ่งเร็วขึ้น เราก็เพิ่มกลุ่มความเร็วให้ใหญ่ขึ้น
สิ่งที่เราอยากเห็นคือผู้คนได้เข้าสังคม พบปะกัน และเริ่มใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เราวางแผนจะขยับไปสู่กิจกรรมสุขภาพด้านอื่นๆ มากขึ้น อาจจะทำสมาธิ แช่น้ำแข็ง อะไรทำนองนี้ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้เพราะเติบโตเร็วเกินไป ผมคิดว่าถ้าสัปดาห์หน้ามีคน 12 คน เราคงทำอะไรแบบนั้นได้ แต่กลายเป็นว่าสัปดาห์ถัดมามีคน 50, 60, 80 คน เราจึงต้องโฟกัสที่การวิ่งอย่างเดียว
ในอนาคตเราอยากจัดกิจกรรมเพิ่มเติมและยังคงรับฟังชุมชนว่าอยากทำอะไร นอกจากนี้เรายังมีความร่วมมือกับ Peaches Active ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ชุดออกกำลังกายที่ใหญ่ที่สุดของไทย พวกเขาเห็นวิสัยทัศน์ของเราและอยากช่วยพัฒนาคลับนี้ในประเทศไทย เราเลยจะมีไลน์เสื้อผ้าสำหรับใส่ออกกำลังกายกับเขาด้วย
มีอะไรอยากฝากถึงคนที่อยากมาวิ่งแต่ยังไม่กล้าไหม
Steve Lim: อยากให้ลองมาสักครั้ง ครั้งแรกที่มาจะรู้สึกดีมาก อบอุ่น เรามีคอมมูนิตี้สำหรับทุกคน และหลายคนมาคนเดียว บางคนมาแล้วได้เจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันตั้งแต่สมัยประถม มัธยม หรือเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันที่อังกฤษ มีคนกลับมาทุกสัปดาห์ แสดงว่าเรากำลังทำอะไรบางอย่างถูกต้อง ลองมาดูสักครั้ง รับรองว่าคุณจะไม่เสียใจ