×

“คราวหน้าขอชัดกว่านี้” ชัยชนะนายก อบจ.อุดรธานี ของเพื่อไทย คุ้มหรือไม่สำหรับทักษิณ

25.11.2024
  • LOADING...
เพื่อไทย อบจ.อุดรธานี

‘ไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่ได้ล้มเหลว’ คือคำนิยามที่พรรคประชาชนให้กับผลเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ที่ คณิศร ขุริรัง ผู้สมัครในนามพรรคได้คะแนนไม่มากพอจะเอาชนะ ศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากฝั่งพรรคเพื่อไทย บนสมรภูมิที่ถูกเรียกว่า ‘เมืองหลวงคนเสื้อแดง’ เมื่อคืนวานนี้ (24 พฤศจิกายน)

 

บรรดาผู้สังเกตการณ์การเมืองล้วนบอกว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญต่อก้าวเดินของพรรคเพื่อไทยต่อไปในอนาคต แล้วชัยชนะของพรรคเพื่อไทยที่นำหน้าพรรคประชาชนอยู่ที่เกือบ 60,000 คะแนนครั้งนี้ บอกอะไรเราได้บ้าง

 

มนตร์ขลังของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่เสื่อมคลายจริงหรือไม่ และพรรคประชาชนที่ยังปักหมุดท้องถิ่นไม่สำเร็จจะยังมีโอกาสในสนามอื่นหรือไม่ หรือ ‘แพ้แต่พัฒนา’ จะเป็นเพียงคาถาปลอบใจตนเอง

 

เพื่อไทย อบจ.อุดรธานี

ศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี จากพรรคเพื่อไทย ที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1

 

ทักษิณย้ำเป็นมนตร์ขลัง แต่ชนะครั้งนี้คุ้มไหม?

 

พรรคเพื่อไทยแถลงผลประกาศชัยชนะไม่นานหลังนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น แต่คะแนนของศราวุธก็นำห่างคณิศรอยู่ที่เกือบ 30,000 เสียง และทิ้งห่างเรื่อยๆ หลังจากนั้น ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเดินทางมาลุ้นผลที่จังหวัดอุดรธานี ตอบคำถามสื่อมวลชนในเชิงยอมรับว่า ทักษิณมีส่วนสำคัญต่อชัยชนะครั้งนี้ และสะท้อนว่าชาวอุดรธานียังให้ความเชื่อมั่น

 

สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย และ ‘คนสนิททักษิณ’ ที่ไม่ลืมจะยกความดีความชอบให้กับอดีตนายกรัฐมนตรี ทั้ง ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ระบุว่า “ยังมีผู้นิยมในตัวท่าน และชื่นชอบผลงานที่ทำมา” ส่วน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มองว่า “สิ่งที่คุณทักษิณทำผลงานไว้ตั้งแต่พรรคไทยรักไทยไปจนถึงพรรคเพื่อไทยเป็นสิ่งที่จับต้องได้”

 

ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง วิดีโอคอลมาแสดงความยินดีที่สำนักงานพรรคเพื่อไทยจังหวัดอุดรธานี

 

อย่างไรก็ตาม ไฮไลต์ที่สุดของคืนที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้นภาพและเสียงของทักษิณ ที่วิดีโอคอลเข้ามาแสดงความยินดีกับศราวุธและทีมงาน ซึ่งฉายขึ้นบนจอในสำนักงานพรรคเพื่อไทยจังหวัดอุดรธานี ทว่าฟังแล้วเหมือนว่าอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ตั้งใจกล่าวกับชาวอุดรธานีเท่านั้น แต่กำลังส่งเสียงไปถึงคนทั้งประเทศ และแน่นอน รวมถึงคู่แข่งทางการเมืองด้วย

 

ทักษิณเริ่มด้วยการกล่าวติดตลกว่า ขอบคุณคะแนนเสียงจากชาวอุดรธานีที่ทำให้ตนเองกลับไปเยี่ยมได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากากหรือคลุมปี๊บ ล้อกับคำปราศรัยของตนเองเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ว่าต้องชนะให้ถล่มทลาย

 

“ผมกลับมาแล้ว ขอทวงคืนคะแนนเสียงจากพี่น้องชาวอุดรธานี และพี่น้องก็ให้มาอย่างชัดเจน เลือกตั้งคราวหน้าขอให้ชัดกว่านี้อีกหน่อยนะครับ”

 

ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ศราวุธจากพรรคเพื่อไทยได้คะแนน 327,487 คะแนน ตามมาด้วยคณิศรจากพรรคประชาชน 268,675 คะแนน เท่ากับพรรคเพื่อไทยนำห่างพรรคประชาชนอยู่ 58,812 คะแนน

 

หากจะมองหานัยทางการเมืองจากคำพูดของทักษิณ เป็นไปได้หรือไม่ว่า ระยะห่างเกือบ 60,000 คะแนนดังกล่าวยังไม่ ‘ชัดเจน’ มากพอสำหรับมาตรฐานของทักษิณ จึงฝากไว้ว่า “ขอให้ชัดกว่านี้อีก” ในการเลือกตั้งคราวหน้า ซึ่งน่าจะหมายถึงการเลือกตั้ง สส. 

 

เพื่อไทย อบจ.อุดรธานี

ทักษิณช่วยศราวุธปราศรัยหาเสียงที่จังหวัดอุดรธานี 

 

และเมื่อมองครอบคลุมบริบททั้งหมด จากที่หลายฝ่ายเคยวิเคราะห์กันว่า ทักษิณต้องมาช่วยหาเสียงที่จังหวัดอุดรธานีด้วยตัวเองทั้งที่ไม่จำเป็นนั้น เพราะพรรคเพื่อไทยหวั่นใจกับการเติบโตของพรรคประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว

 

แม้บรรดาแกนนำของพรรคเพื่อไทยจะพยายามเน้นย้ำถึง ‘แบรนด์ทักษิณ’ ที่ประชาชนยังให้ความเชื่อมั่น แต่คำถามที่ตามมาก็คือ ผลคะแนนนี้เป็นที่พอใจของเจ้าตัวแล้วหรือยัง และการเชิญทักษิณลงพื้นที่ช่วยหาเสียงในสนาม อบจ. อื่นๆ ยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่

 

และอีกคำถามหนึ่งที่ต้องฝากไปยังพรรคประชาชนคือ คะแนนจากการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนถึงความเติบโตจริงหรือ และหากจริง การเติบโตจะมากพอให้ชิงชัยในจังหวัดอื่นได้บ้างหรือไม่

 

แพ้แต่พัฒนา แล้วทำอย่างไรจึงจะชนะ?

 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ถูกจับจ้องว่ามีผลให้กระแสนิยมของพรรคประชาชนเพิ่มสูงขึ้น โพสต์ข้อความเชิงให้กำลังใจหลังทราบผลเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี อย่างไม่เป็นทางการ โดยช่วงหนึ่งได้หยิบยกไปเปรียบเทียบกับการเลือกตั้ง สส. ครั้งล่าสุด โดยระบุว่า

 

“ปีนี้เป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น โดยมีผู้มาใช้สิทธิลดลงเหลือ 640,000 คน (52%) แต่พรรคประชาชนกลับได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 268,000 คะแนน นี่ถือเป็นคะแนนที่มากกว่าครั้งที่พรรคก้าวไกลเคยได้รับอีก แม้ว่าจะมีจำนวนผู้มาใช้สิทธิลดลงก็ตาม”

 

คณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายก อบจ. ของพรรคประชาชน (ซ้าย) และ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (กลาง) หัวหน้าพรรคประชาชน

 

เนื่องจากว่าชัยชนะของ ณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริ สส. เขต 1 จังหวัดอุดรธานี ของอดีตพรรคก้าวไกล ปักธงพื้นที่จังหวัดอุดรธานีให้กับค่ายส้มเป็นครั้งแรก ด้วยคะแนน 229,351 คะแนน จากจำนวนผู้ใช้สิทธิ 801,258 คน ถึงกระนั้นชัยชนะของคณิศรก็ยังมีคะแนนเสียงมากกว่า แม้จะคิดจากสัดส่วนของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ. ที่น้อยกว่าการเลือกตั้ง สส. แล้ว

 

พิธาชี้ว่า แม้เราจะไม่ได้ชัยชนะ แต่เราก็สร้างความก้าวหน้าที่สำคัญในสมรภูมิที่ยากที่สุดนับตั้งแต่พรรคก้าวไกลก่อตั้งขึ้นมา จังหวัดอุดรธานีเคยเป็นฐานเสียงที่แข็งแกร่งของอีกฝ่ายมาโดยตลอด แต่ผลการเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเรากำลัง ‘ลดช่องว่าง’ ลงได้อย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อคลี่ดูผลคะแนนรายอำเภอของการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี แม้ศราวุธจะชนะเกือบทุกอำเภอก็ตาม แต่ก็มี 1 อำเภอที่พรรคประชาชนได้คะแนนมากกว่า คืออำเภอหนองวัวซอ ซึ่งคณิศรเฉือนชนะมาเพียง 60 คะแนน

 

นอกจากนี้พบว่ามีอีกราว 12 อำเภอที่คะแนนของพรรคประชาชนไล่ตามพรรคเพื่อไทยเฉียดฉิว กล่าวคือห่างกันประมาณ 1,000-3,000 คะแนน และส่วนใหญ่ยังเป็นอำเภอที่อยู่รอบนอก ส่วนใหญ่เป็นอำเภอรอบตัวเมือง รวมถึงอำเภอรอบนอก เช่น อำเภอบ้านผือ, สร้างคอม, น้ำโสม, นายูง, ทุ่งฝน และกุดจับ

 

พิธาปราศรัยหาเสียงช่วยคณิศรที่จังหวัดอุดรธานี

 

พิธาตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่า จากผลคะแนนรายอำเภอดังกล่าว เชื่อได้ว่าในการเลือกตั้ง สส. ครั้งหน้า มีโอกาสได้ สส. มากกว่าเขต 1 แน่นอน ซึ่งเจ้าตัวระบุไว้ว่าคำนวณแล้ว แต่ยังไม่บอก ทั้งนี้ พิธาให้เหตุผลว่าในการเลือกตั้ง สส. จะเปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า และเลือกตั้งนอกอาณาเขตได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนในหลายอำเภอของจังหวัดอุดรธานีที่เป็นแรงงานอยู่ต่างประเทศร่วมลงคะแนนด้วย เป็นการเพิ่มโอกาสช่วงชิงคะแนนเสียงของพรรคประชาชน

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะมองไกลไปถึงเลือกตั้งทั่วไปรอบหน้า โจทย์เฉพาะหน้าของพรรคประชาชนที่ต้องไปขบคิดคือ จะเอาชนะในสนามเลือกตั้งนายก อบจ. อย่างไร ให้ตรงตามเป้าหมายที่ไม่ได้สูงนัก คือนายก อบจ. 1 คน ต่อ 1 ภูมิภาค นั่นคือไม่ต่ำกว่า 6 คนทั้งประเทศ

 

แม้ผู้เอาใจช่วยพรรคประชาชนบางคนจะออกตัวว่า ในเวทีจังหวัดอุดรธานี หรือเมืองหลวงเสื้อแดง ‘ถึงแพ้ก็ไม่เสียหน้า’ แต่สำหรับจังหวัดอื่นๆ ที่พรรคประชาชนบรรจงล็อกเป้าหวังผลจากที่เปิดตัวมาเบื้องต้น 12 แห่ง และแง้มไว้ว่าจะเปิดตัวเพิ่มอีกให้ครบ 15 แห่ง จะถอดบทเรียนจากความพ่ายแพ้มา ‘พัฒนา’ ยุทธศาสตร์อย่างไรไม่ให้คว้าน้ำเหลวซ้ำรอย

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X