คู่รักล้วนมีวันที่ดีและมีวันที่เผลอร้ายใส่กัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ทะเลาะกันบางคนเลือกที่จะเงียบ จากการศึกษาของ Dr.John Gottman ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาความสัมพันธ์พบว่า “การเงียบในยามขัดแย้งมีได้ทั้งด้านบวกและลบ ขึ้นอยู่กับวิธีการและจุดประสงค์ของการเงียบนั้น”
หลายคนเลือกที่จะเงียบเพื่อ Time out ให้ตัวเอง นี่เป็นการเงียบที่สร้างสรรค์ เพราะเป็นการขอเวลาสงบสติอารมณ์ ทบทวนความคิด และจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง แต่สิ่งสำคัญคือต้องบอกคู่สนทนาว่าเราต้องการเวลา และควรกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน เช่น 30 นาที เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกถูกทอดทิ้งหรือกังวล แต่ในทางกลับกันการเงียบก็อาจกลายเป็นอาวุธทำร้ายความสัมพันธ์ได้เช่นกัน
ความอันตรายของการสร้างกำแพงด้วยความเงียบ
การ Stonewalling หรือการสร้างกำแพงด้วยความเงียบ ซึ่งเป็นการปฏิเสธการสื่อสารโดยสิ้นเชิง หรือ Silent Treatment การเงียบเพื่อลงโทษอีกฝ่าย พฤติกรรมเหล่านี้สามารถสร้างความเจ็บปวดและทำลายความไว้วางใจในความสัมพันธ์ได้อย่างรุนแรง
จะรู้ได้อย่างไรว่าเงียบแล้วจะนำไปสู่ด้านบวกหรือลบ
สังเกตได้จากพฤติกรรมและผลลัพธ์ การเงียบที่ดีจะนำไปสู่การสื่อสารที่ดีขึ้น มีการกลับมาพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ ใช้ I message ที่บอกความรู้สึกของตัวเอง แทนที่จะกล่าวโทษอีกฝ่าย
ยกตัวอย่างเช่น
สมมติว่าแฟนกลับบ้านดึก
❌ แบบกล่าวโทษ: “เธอทำตัวแย่มาก ไม่เคยคิดถึงใจคนรออยู่ที่บ้านเลย”
✅ แบบ I message: “ถ้าเธอกลับดึกดื่นแบบนี้อยากให้บอกล่วงหน้าหน่อยนะ เพราะรู้สึกไม่สบายใจและเป็นห่วง”
สมมติว่าแฟนลืมวันสำคัญ
❌ แบบกล่าวโทษ: “สมองจำอะไรไม่ได้เลยนะ! วันสำคัญทั้งทีกลับลืมเฉย ใจร้ายมากๆ”
✅ แบบ I message: “วันนี้เป็นวันครบรอบนะ เรารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ฉลองด้วยกัน หวังว่าครั้งหน้าจะได้ฉลองวันสำคัญนี้ด้วยกันนะ”
คู่ความสัมพันธ์ที่ดีควรตกลงกติกาการทะเลาะไว้ล่วงหน้า รวมถึงวิธีจัดการกับช่วงเวลาที่ต้องการความเงียบ เมื่อฝ่ายหนึ่งขอเวลา อีกฝ่ายควรให้เกียรติและเคารพการตัดสินใจนั้นโดยไม่กดดันให้พูดคุยทันที รอจนกว่าทั้งสองฝ่ายพร้อมที่จะสื่อสารอย่างสร้างสรรค์
จริงๆ แล้วเราอยากบอกว่าการเงียบก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป หากเงียบพอดี มีขอบเขต และมีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็สามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คู่ความสัมพันธ์เข้าใจกันมากขึ้น แต่ถ้าใช้การเงียบเป็นอาวุธหรือหลบหนีปัญหา ก็อาจกลายเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์ในระยะยาวได้ ดังนั้นเมื่อเกิดความขัดแย้ง ลองถามตัวเองก่อนว่าเราเงียบเพื่ออะไร และการเงียบของเราจะนำไปสู่การแก้ปัญหาหรือสร้างปัญหาเพิ่ม