×

การปรับตัวจากเคเบิลสู่สตรีมมิ่ง: เหล้าเก่าในขวดใหม่ของการถ่ายทอดสดกีฬา?

14.11.2024
  • LOADING...
การถ่ายทอดสดกีฬา

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายนนี้ เวลา 08.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เรากำลังจะได้รับชมการคืนสังเวียนครั้งสำคัญของ ไมค์ ไทสัน ตำนานแชมป์โลกรุ่นเฮฟวีเวตในวัย 58 ปี ขึ้นเวทีพบกับ เจค พอล ยูทูเบอร์ชื่อดังวัย 27 ปีที่ผ่านการชกมาแล้วกว่า 10 ไฟต์ 

 

โดยจะเป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปีของไทสันที่จะได้ขึ้นชกมวยสากลอาชีพนับตั้งแต่ปี 2005 หากไม่นับไฟต์ที่เขาขึ้นชกโชว์กับ รอย โจนส์ จูเนียร์ เมื่อปี 2020

 

ตัวของไฟต์เองก็มีเรื่องราวและสิ่งที่น่าติดตามอยู่หลากหลายประเด็น ทั้งสภาพร่างกายที่ยังแข็งแกร่งของไทสันในวัย 58 ปีจากฟอร์มการลงนวมเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รวมถึงทักษะมวยสากลของพอลที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนบางคนมองว่าเขาคือนักมวยสากลคนหนึ่งแล้ว 

 

แต่หนึ่งในสิ่งที่น่าจับตามองก็คือ ช่องทางการถ่ายทอดสดที่ครั้งนี้ Netflix เป็นแม่ข่ายหลังการถ่ายทอดสด โดยในประเทศไทยหากเป็นสมาชิกรายเดือนอยู่แล้วก็สามารถกดเข้าไปรับชมได้เลย 

 

 

การรับชมผ่าน Netflix ครั้งนี้แน่นอนว่าสำหรับสมาชิกที่เป็นคอกีฬาหลายคนที่รอติดตามไฟต์นี้ก็เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ซึ่งพวกเขาสามารถล็อกอินสมาร์ททีวี คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ก็รับชมสดไปพร้อมๆ กันได้เลย 

 

แต่สำหรับอุตสาหกรรมการถ่ายทอดสดกีฬา การตัดสินใจขยับมาสู่รายการสดมากขึ้นของผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง อาจเป็นการฉายภาพครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมที่ทำให้เห็นว่าสตรีมมิ่งในตอนนี้เข้ามาแทนที่เคเบิลทีวีอย่างเต็มตัวแล้ว 

 

ทำไม Netflix ถึงตัดสินใจมาทางรายการถ่ายทอดสด 

 

สิ่งที่ทำให้ Netflix ประสบความสำเร็จมากก็คือ ไอเดียที่คุณสามารถเป็นผู้ตัดสินใจได้เองว่าคุณจะรับชมภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือรายการใดก็ได้อย่างเต็มที่ 

 

ขณะที่ทีวีหรือเคเบิลจะจัดโปรแกรมในแต่ละวันมาให้คุณรอรับชมในแต่ละช่วงเวลาตลอดทั้งสัปดาห์แล้ว 

 

แต่สิ่งนี้อาจจะกำลังเปลี่ยนไป เมื่อ Netflix เริ่มต้นถ่ายทอดสดรายการต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น โชว์คอเมดี้ของ คริส ร็อก เมื่อช่วงต้นปี 2023 

 

ในช่วงคริสต์มาสนี้ Netflix ก็จะถ่ายทอดสดการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล NFL จำนวน 2 เกม และเริ่มต้นเดือนมกราคม ปี 2025 WWE ศึกมวยปล้ำชื่อดังจากสหรัฐฯ ก็จะถ่ายทอดสดทุกสัปดาห์ผ่าน Netflix เช่นเดียวกัน 

 

 

เท็ด ซาแรนดอส ประธานกรรมการบริหารของ Netflix มองว่า การถ่ายทอดสดรายการต่างๆ เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของโปรแกรมใน Netflix แต่รายการเหล่านี้ช่วยสร้างอิมแพ็กต์ได้ 

 

“เราจะได้เป็นส่วนหนึ่งของความตื่นเต้นที่มาจากการที่ผู้คนทั่วโลกร่วมชมอะไรบางอย่างพร้อมกัน” ซาแรนดอสกล่าวเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา 

 

การปรับตัวครั้งนี้ของ Netflix เองก็มาจากการที่พวกเขาเริ่มต้นที่จะขายโฆษณา โดยที่ผ่านมา The Washington Post มองว่า Netflix อาจไม่แคร์ว่าคุณจะดู Stranger Things 1 ล้านครั้งในช่วงวันหรือเวลาที่แตกต่างกัน เพราะพวกเขาก็ได้รายได้เท่ากันอยู่ดีไม่ว่าคุณจะรับชมตอนไหน 

 

แต่ตอนนี้ที่ Netflix เริ่มแผนการขาย Ad หรือโฆษณา ตั้งแต่ปี 2022 ด้วยแพ็กเกจ Ad-Supported Plan ในสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ตอนนี้พวกเขามีมากกว่าครึ่งของกลุ่มผู้สมัครใหม่ที่เลือกแผน Ad-Supported (ตามข้อมูลของ Netflix คือโฆษณาจะปรากฏในช่วงระหว่างตอนในซีรีส์หรือก่อนเริ่มต้นภาพยนตร์)

 

 

ซึ่งทำให้พวกเขาต้องสนใจว่าคุณจะรับชมรายการไหน เวลาเท่าไร เพราะเมื่อมีตัวเลขผู้คนรับชมโปรแกรมเดียวกัน พร้อมกัน Netflix จะสามารถเพิ่มค่าโฆษณาในช่วงเวลานั้นได้ เหมือนกับที่เคเบิลทีวีทำสมัยก่อนกับช่วงโฆษณาไพรม์ไทม์ 

 

แน่นอนว่าคนที่สมัครแพ็กเกจที่สูงกว่านั้นจะไม่เห็นโฆษณาในแพลตฟอร์ม Netflix แต่คุณก็ยังจะเห็นโฆษณาระหว่างการแข่งขัน NFL และมวยปล้ำ รวมถึงไฟต์ของ ไมค์ ไทสัน และ เจค พอล อยู่ดี 

 

ถึงเวลาแล้วที่สตรีมมิ่งจะเข้ามาทำหน้าที่เดียวกับเคเบิลในปัจจุบัน? 

 

 

นอกจาก Netflix แล้ว ผู้ให้บริการเจ้าอื่นๆ ทั้ง Prime Video และ HBO Max รวมถึง Peacock ต่างก็ผลักดันตัวเองเข้าไปถ่ายทอดสดกีฬาและอีเวนต์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Amazon Prime ถ่ายทอดสดรายการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รูปแบบเดียวกับรายการทีวีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผ่านบริการสตรีมมิ่ง 

 

The Washington Post รายงานข้อมูลจากนักเคราะห์ว่า รายการกีฬาและข่าวเป็นรายการที่ผู้คนเกาะติดมาตลอดกับเคเบิลทีวี และเมื่อเรามีการแข่งขันกีฬา รายการข่าว และอีเวนต์ อาทิ การประกาศรางวัล ก็จะเริ่มปรับตัวเข้ามาสู่บริการสตรีมมิ่งมากขึ้น นั่นจึงส่งผลให้เคเบิลทีวีถึงจุดจบเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันการให้บริการของสตรีมมิ่งก็จะมีความคล้ายคลึงกับเคเบิลทีวีมากยิ่งขึ้น 

 

แน่นอนว่าสำหรับผู้รับชม ถ้าสตรีมมิ่งเข้ามาทดแทนเคเบิลทีวี ก็มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะเริ่มต้นทำรายการในรูปแบบเดียวกับที่คุณเคยเห็นในทีวีมาก่อน 

 

ยกตัวอย่างรูปแบบการให้บริการของเคเบิลทีวีที่อาจเป็นประโยชน์ต่อไปคือ คอนเซปต์ที่ Disney Plus เพิ่งเริ่มใช้คือการเปิดช่องถ่ายทอดภาพยนตร์ รายการ หรือซีรีส์ โดยที่คุณไม่ต้องเลือกเอง 

 

แต่ข้อเสียก็อาจเป็นสิ่งเดียวกับที่คุณเคยไม่ชอบในเคเบิลทีวีนั่นคือเรื่องของราคา เพราะรายการกีฬาและรายการข่าวเป็นสิ่งที่คนยอมจ่ายเพื่อรับชมในเคเบิลทีวี เมื่อมูลค่าลิขสิทธิ์กีฬาสูงขึ้น อาทิ NFL ก็จะส่งผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายรายเดือนของเคเบิลทีวีที่ต้องพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน เป็นราคาของการทำธุรกิจให้บริการถ่ายทอดสด 

 

The Netflix Slam อีกหนึ่งรายการถ่ายทอดสดผ่าน Netflix ในปีนี้

 

ซึ่งมาถึงวันนี้ที่ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งหลายเจ้า ยกตัวอย่างเช่น Netflix ที่แน่นอนว่าพวกเขามีเงินทุนมหาศาลในการซื้ออีเวนต์ถ่ายทอดสด แต่ก็เหมือนกับค่าบริการรายเดือนของเคเบิลทีวีที่ขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เมื่อรายการกีฬาที่เป็นที่ต้องการมีมูลค่าสูงขึ้น ราคาค่าสมาชิกรายเดือนของบริการสตรีมมิ่งก็มีโอกาสที่จะสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นเดียวกัน 

 

เทรนด์นี้มีโอกาสส่งผลกระทบต่อไทยมากน้อยแค่ไหน? 

 

 

ข้อมูลเบื้องต้นเป็นการสังเกตการณ์ของ The Washington Post ที่มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของการทำธุรกิจการให้บริการถ่ายทอดสดที่เปลี่ยนจากเคเบิลสู่สตรีมมิ่ง ซึ่งมีทั้งความเหมือนในรูปแบบธุรกิจหารายได้และความต่างในรูปแบบการรับชม 

 

ณ เวลานี้ไทยก็เพิ่งมีข่าวการเปลี่ยนมือของผู้ให้บริการการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพอีก 3-6 ปี ต่อจากนี้ เป็นสิ่งที่น่าสนใจว่า JAS ที่เข้ามาประมูลชนะการซื้อลิขสิทธิ์ไป พร้อมประกาศว่า จะให้บริการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกผ่านแอปพลิเคชัน MONOMAX เป็นหลัก ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการรับชมฟุตบอลลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกไปในรูปแบบใด 

 

เมื่อวันนี้ทุกคนกำลังวิเคราะห์ความคุ้มทุนจากการลงทุนไป 19,167.72 ล้านบาท ว่าจะต้องคิดค่าบริการต่อเดือนเท่าไร และจะถ่ายทอดสดผ่านรูปแบบ ความชัด และช่องทางใดบ้าง 

 

ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD SPORT เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ยืนยันว่าจะไม่มีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น YouTube หรือเคเบิลทีวี แต่ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคตเช่นกันหากมีการพูดคุยกับพันธมิตรเพิ่มเติม

 

โดยปัจจุบันการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกจะมีเพียง AIS PLAY ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ดร.โสรัชย์ ยืนยันว่ายินดีพูดคุยกับทุกฝ่าย เพื่อให้มีพันธมิตรในการถ่ายทอดสดเพิ่มเติมด้วย

 

สิ่งที่น่าจับตามองต่อไปคือ การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงในผู้ให้บริการสตรีมมิ่งระดับโลก จะทำให้เราได้รับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพในรูปแบบใดในฤดูกาลหน้า และเราจะได้เห็นยุคที่การถ่ายทอดสดกีฬาในไทยเข้าสู่ระบบสตรีมมิ่งอย่างเต็มตัวแล้วหรือไม่ 

 

อ้างอิง: 

 
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising