×

THE INTERVIEW: CGM48 3rd Generation ความฝัน หยดน้ำตา การเดินทางบนเส้นทางไอดอล

12.11.2024
  • LOADING...
CGM48 3rd Generation

นี่คือหนึ่งในบทสัมภาษณ์ที่มี ‘น้ำตา’ เป็นส่วนประกอบของการสนทนาที่บอกเล่าการเดินทาง ที่ต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคต่างๆ จนมาถึงวันที่มีนามสกุล CGM48 ท้ายชื่อ

 

THE STANDARD POP เปิดบ้านต้อนรับ 5 สาว สมาชิกวงไอดอลแดนเหนืออย่าง CGM48 รุ่นที่ 3 อย่าง เพลิน-ปณลี อักษรวนิช, ขวัญ-ธิดาทิพย์ จิระพันธุ์, หลิงหลิง-สลิลทิพย์ พนาอภิชน, แพร-ณัฐภรณ์ ภิญโญยิ่ง และ รันม่า-แทนทยา ชิชิดะ 

 

ที่นอกจากจะแวะเวียนมาฝากผลงานเพลงใหม่แล้ว พวกเธอยังมอบบทสนทนาที่จะบอกเล่าเรื่องการเดินทางของเด็กสาวธรรมดา สู่การเป็นสมาชิกวงไอดอลชื่อดัง ไปจนถึงอุปสรรคที่มีให้พวกเธอฝ่าฟัน จนต้องบอกว่า…เส้นทางไอดอลไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หลายคนจินตนาการ

 

เพื่อไม่ให้เสียเวลา…เรามาทำความรู้จักและพูดคุยกับพวกเธอไปพร้อมๆ กันเลย

 

CGM48 3rd Generation

 

ก่อนเข้าสู่บทสนทนา เราขอพาผู้อ่านไปรู้จักกับทั้ง 5 สาว เพื่อทำความรู้จักในเบื้องต้นว่าแต่ละคนมีกิจกรรม ความชอบ งานอดิเรกแบบไหนกันบ้าง

 

เพลิน CGM48 / ปณลี อักษรวนิช (อายุ 16 ปี)

งานอดิเรกชอบเล่นกีตาร์ ชอบดูหนังผี ชอบอะไรที่ตื่นเต้น ระทึกๆ ส่วนไลฟ์สไตล์เป็นคนอยู่นิ่งไม่ค่อยเป็น ต้องหาอะไรทำตลอดเวลา ตามประสาวัยกำลังซน (หัวเราะ)

 

ขวัญ CGM48 / ธิดาทิพย์ จิระพันธุ์ (อายุ 16 ปี)

งานอดิเรกหนูชอบดูสตรีมเกม ชอบไลฟ์สตรีม เป็นคนที่ชื่นชอบเรื่องเกมมาก โดยเฉพาะแนว Horror แล้วก็ชอบอ่านหนังสือนิยายแนวสืบสวน ส่วนไลฟ์สไตล์ในวันว่างๆ ถ้ามีเวลาจะอ่านหนังสือนิยาย เป็นคนที่มีตารางชีวิตตัวเองในหัว เป็นเหมือนไลฟ์สไตล์ชีวิตธรรมดาๆ มีไทม์ไลน์ของตัวเองอยู่ในหัวอยู่เสมอ

 

แพร CGM48 / ณัฐภรณ์ ภิญโญยิ่ง (อายุ 19 ปี)

ชอบดูอนิเมะค่ะ ช่วงนี้กำลังอินเรื่อง Attack on Titan เดิมทีเคยดูจบไปแล้ว แต่ช่วงนี้กำลังอินอีกรอบหนึ่ง ส่วนเรื่องไลฟ์สไตล์หนูค่อนข้างที่จะ Introvert นิดหนึ่ง เวลาไปข้างนอกจะเป็นคนเดินมองพื้นตลอด ไม่ค่อยกล้าสบสายตาผู้คน เป็นพิธีกร (MC) ได้ ถ้าวันไหนว่างจะชอบหาอะไรให้ตัวเองทำ เช่น อ่านหนังสือ วาดรูป หรือออกกำลังกาย ปั่นจักรยานดูพระอาทิตย์ตก หรือไม่ก็ว่ายน้ำ เป็นคนที่ชอบจัดตารางชีวิตให้ตัวเองเสมอ

 

รันม่า CGM48 / แทนทยา ชิชิดะ (อายุ 21 ปี)

ปกติเมื่อมีเวลาว่างๆ จะชอบเล่นเกม ออกกำลังกาย รักในการทำกิจกรรมสนุกๆ มาตั้งแต่วัยเด็ก แต่ในบางครั้งจะชอบอยู่คนเดียว เป็นคนที่มีเซฟโซนกับคนที่สนิทกันจริงๆ

 

หลิงหลิง CGM48 / สลิลทิพย์ พนาอภิชน (อายุ 22 ปี)

ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวชอบเล่นเกมค่ะ แต่พอเข้ามาอยู่กับ CGM48 ไม่ค่อยมีเวลาเล่นเท่าไร อาจจะมีแคสเกมใน 48TH Game Caster บ้าง และเป็นคนชอบเต้นชอบร้องเพลงมากค่ะ คือเวลาว่างของหนูจะทำสิ่งนี้บ่อยมากๆ ชอบเต้นลง TikTok ค่ะ

 

 

หลังจากได้รู้จักกับทั้ง 5 สาวไปประมาณหนึ่งแล้ว เราจึงอยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้พวกเธอตัดสินใจสมัครเข้ามาเป็น CGM48 รุ่น 3

 

ขวัญ: มันเป็นจังหวะชีวิตพอดีค่ะ คือหนูอายุ 16 ปีแล้ว มีความคิดอยากจะทำงานช่วยพ่อแม่ ซึ่งหนูก็อยากจะทำงานที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข บวกกับตอนเด็กๆ ติดตาม 48Group ตั้งแต่ ป.5 ช่วงนั้นหนูชอบมาก หนูเคยมีความฝันว่าอยากเป็นไอดอล ก่อนมาตกผลึกกับตัวเองได้ว่า เราไม่ควรจะปิดโอกาสตัวเองนะ เราควรจะซื่อสัตย์กับตัวเองโดยเฉพาะสิ่งที่ใจต้องการ

 

หนูเลยเลือกสมัครออดิชันเข้ามา แต่ก่อนหน้านี้เคยสมัคร BNK48 รุ่น 5 มาก่อน แต่ก็ไม่ติด ตอนนั้นเลยรู้สึกว่าวง BNK48 ค่อนข้างที่จะเอื้อมถึงยากหน่อย แต่ว่าพอ CGM48 รุ่น 3 มาก็เลยส่งใบสมัครมาอีกรอบ หนูตัดสินใจตั้งแต่ตอนนั้นว่าต่อให้ติดหรือไม่ติด หนูก็จะสมัครต่อไปเรื่อยๆ จนถึงเกณฑ์ลิมิตอายุ 22 ปี 

 

สุดท้ายพอรู้ตัวว่ามีชื่อตัวเองติดเป็นสมาชิกรุ่น 3 ก็ค่อนข้างตกใจ เพราะตอนนั้นหนูลดความคาดหวังของตัวเองไปแล้ว มันก็เลยเกินคาดมากๆ ทำตัวไม่ถูกเลย เหมือนจะเป็นจังหวะที่หนูรู้ตัวว่าชีวิตหนูหลังจากนี้ต้องเปลี่ยนแปลงแน่ๆ

 

หลิงหลิง: เหมือนที่บอกคือหนูชอบการร้อง-เต้นมาตั้งแต่เด็ก แล้วเราก็ได้ออดิชันมาหลายที่มาก ไม่ใช่แค่ CGM48 หรือ BNK48 แต่รวมถึงวงอื่นๆ ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น คือหนูลองมาหมดเลย แต่ก็ไม่เคยเข้าถึงรอบไฟนอลลิสต์กับเขาสักครั้ง

 

จริงๆ อายุหนู (22 ปี) ควรไปคิดเรื่องอื่นแล้ว หมายถึงควรจะคิดในมุมอื่นได้แล้วว่า เราจะไปทำงานหาเงินอย่างไรต่อ สำหรับหนู CGM48 เลยเป็นเหมือน Last Change โอกาสสุดท้ายบนเส้นทางไอดอล เลยตัดสินใจสมัครมา CGM48 ดูสักครั้ง คือตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะมาเชียงใหม่เหมือนกัน เพราะมันไกลมาก แล้วหลิงเรียนอยู่ปี 4 ซึ่งเราก็คิดนะว่าจะแลกอะไรหลายๆ อย่างเพื่อมาเชียงใหม่เลยไหม แต่หลิงเป็นคนประเภทที่ว่า ถ้าเราไม่ทำอันนี้ อย่างอื่นในชีวิตก็ทำไม่ได้แล้วเหมือนกัน ก็เลยเลือกมา

 

เพลิน: ที่มาสมัครเพราะติดตามวงมาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่ คุกกี้เสี่ยงทาย เลย เดิมทีมีความคิดว่าอยากมาสมัครตั้งนานแล้วค่ะ คือถ้าอายุถึงก็อยากลองสมัครเลยสักครั้ง แต่ส่วนตัวเป็นคนไม่กล้าเผชิญหน้าความท้าทายใหม่ๆ เป็นคนกลัวความผิดหวัง เลยไม่เคยลองมาสมัครสักที เพราะในหัวจะคิดแต่ว่าอย่างไรเราก็ไม่ติดหรอก แถมต้องแข่งกับคนเยอะขนาดนั้น

 

แต่พอผ่านมาเรื่อยๆ ก็เริ่มคิดได้ว่า ไม่เห็นมีอะไรต้องเสียเลย ชีวิตนี้ถ้าไม่ลองลงมือทำจะไม่มีวันรู้ได้เลยว่ามันจะสำเร็จไหม หนูเลยลองสมัครไป ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ปรากฏ…เราก็ได้จริงๆ ด้วย ก็เกินคาดและดีใจเหมือนกันค่ะ

 

แพร: ช่วงวัยเด็กหนูลองทำหลายอย่างมาก แต่ไปไม่สุดทุกอย่าง เริ่มเล่นดนตรีไทยตั้งแต่อนุบาล แล้วก็ไล่ขึ้นมาพอประถมศึกษาก็เริ่มเล่นเทควันโดเป็นนักกีฬา ไต่มาเรื่อยๆ จนประมาณอายุ 15 ปีได้เริ่มลองทำงานครั้งแรกเป็น VJ พอลองทำแล้วก็รู้สึกว่าชอบ บวกกับมีแฟนๆ ในช่วงเวลานั้นมาเชียร์อัพ ด้วยความที่เราไลฟ์เป็นแนวไอดอลน่ารักสดใสด้วย ก็มีคนอยากให้เราไปเป็นไอดอลดูสักครั้ง เราก็แบบ เฮ้ย ก็น่าสนุกดีนะ เพราะเราเองก็ชอบแนวไอดอลญี่ปุ่นมาก อยากมีโอกาสได้ทำสักครั้งในชีวิตเหมือนกัน

 

แต่ช่วงเวลาหนึ่งเราเกิดประสบอุบัติเหตุรถชน ช่วงนั้นมันหนักมากสำหรับหนู เพราะว่าแผลหนูเต็มตัวเลย คือระยะเวลารักษาไม่นาน แต่ว่าสภาพจิตใจหนูตอนนั้นคือไม่สู้ดีเลย เพราะประเด็นคือขาของหนูมีแผลเป็น หนูเลยไม่กล้าที่จะไปออดิชัน งานถ่ายรูปต่างๆ หนูปฏิเสธหมดเลย คือมันเป็นช่วงที่สูญเสียความมั่นใจมากๆ

 

จนกระทั่งมีช่วงปลายปีที่แล้ว หนูมาไลฟ์เล่นๆ ใน TikTok ก็มีแฟนคลับของหนูเข้ามาดู อยากให้หนูลองไปออดิชันดูสักครั้ง…หนูรวบรวมความกล้านานมาก แต่ก็ได้พี่ๆ ที่ดูไลฟ์หนูในวันนั้นเขาเชียร์อัพว่า เราทำได้ หนูรู้สึกว่าเขาอยากเห็นเราในพาร์ตที่มีความสุข ซึ่งนั่นเป็นกำลังใจที่ดีมาก เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรากล้ามาออดิชัน

 

ช่วงที่ยื่นสมัครมาเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เราต้องจัดการปัญหาส่วนตัว รวมถึงเรื่องเรียน จนสุดท้ายหนูก็คิดว่า แค่เรากล้าที่จะลงมือทำสิ่งนี้…ก็ถือว่าปีนี้เป็นปีที่สำเร็จสำหรับหนูมากๆ แล้ว ตอนออดิชันต่อหน้ากรรมการหนูบอกความกังวลเกี่ยวกับแผลเป็นต่างๆ นานา ปรากฏว่าทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เป็นไรเลย ซึ่งทำให้เราใจชื้นมาก ความกังวลที่มีเต็มหัวสลายไปในพริบตา

 

สุดท้ายเราก็ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของ CGM48 รุ่น 3 เลยรู้สึกว่าที่นี่เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากค่ะ ถือเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้หนูรัก CGM48 มากๆ

 

รันม่า: ตอนเด็กๆ หนูเคยมีความฝันอยากเป็นทูต เพราะรู้สึกว่าตัวเองชอบเที่ยว ชอบคุยกับคน แต่ตอนนั้นก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าความฝันเราจริงๆ คืออะไร เอาจริงๆ มันยากนะกว่าคนคนหนึ่งจะรู้ว่าเราอยากเป็นอะไร

 

กระทั่งตอน ม.ต้น มารู้จักกับคำว่าไอดอล ผ่านพวงกุญแจราคา 10 เยนที่เราซื้อมาตอนเที่ยวที่ญี่ปุ่น เดิมทีเราไม่รู้เลยว่าพวงกุญแจนั่นคืออะไร จนเพื่อนทักว่านี่มันมาจากการ์ตูนเรื่อง AKB0048 ด้วยความที่อยากรู้เลยกลับบ้านไปเปิดดูการ์ตูนเรื่องนี้ พอดูแล้วรู้สึกว่าอินมาก ร้องไห้ทุกตอนเลย มันเป็นช่วงเวลาที่เราได้ซึมซับ ได้อินกับเรื่องราวชีวิตของตัวการ์ตูนที่เป็นไอดอลที่มีความตั้งใจพยายาม แต่เวลานั้นเรายังไม่มีความคิดที่จะเป็นไอดอลเลยนะ

 

จนเมื่อวันเวลาผ่านไป BNK48 เกิดขึ้นในเมืองไทย หนูก็เริ่มติดตาม เป็นช่วงที่คลั่งไคล้มาก อยากจะมาเป็นไอดอลวงนี้ให้ได้ ก็เลยลองไปสมัครตอนรุ่น 2 ที่มีคนสมัครเป็นหมื่น ในใจก็คิดว่าไม่อยากให้วงดังไปมากกว่านั้น เพราะคนสมัครจะได้น้อยๆ เผื่อเราจะติดบ้าง (หัวเราะ)

 

สุดท้ายก็ไม่ติดตั้งแต่รอบแรก เป็นความรู้สึกเศร้ามากเลย เพราะเป็นความผิดหวังเหมือนแบบครั้งแรก แต่หลังจากนั้นก็ยังพยายามสมัครต่อกับ CGM48 รุ่น 1 ลากมาจนถึง BNK48 รุ่น 3 ก็ยังไม่ติดเหมือนเคย

 

แต่ในใจหนูก็คืออยากเป็นไอดอลที่มาจากญี่ปุ่น อยากเป็นไอดอลญี่ปุ่น (หัวเราะ) ก็เลยได้ไปอยู่วง LAST IDOL THAILAND สถานที่แห่งนี้ทำให้หนูได้ลองแล้วรู้ว่า เราชอบที่จะทำหน้าที่ตรงนี้จริงๆ หลังจากนั้นก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายอย่างที่ทุกคนรู้กัน แต่ด้วยความที่ใจรัก…เราอยากทำไอดอลอยู่ เลยลองไปสมัคร BNK48 รุ่น 5 แม้จะไม่ได้ แต่หนูก็ขอลุยกันต่อกับ CGM48 รุ่น 3

 

มาถึงตรงนี้แม้จะเผชิญกับช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับทางเลือกในชีวิต แต่หนูไม่อาจปฏิเสธความฝันที่เราเฝ้ารอมา 7-8 ปีได้ หนูมองว่าโอกาสมันอยู่ตรงนี้แล้ว เราต้องลุยให้ถึงที่สุด แล้วพอถึงวันประกาศชื่อที่มีชื่อของหนูจริงๆ คือมันดีใจมากๆ รู้สึกโล่ง สิ่งที่คิดที่ฝันมานาน…วันนี้ได้เป็นจริงสักที

 

 

อาจจะเร็วไปสักหน่อย สำหรับทุกคนที่เพิ่งเดบิวต์ได้ไม่นาน แต่เราอยากรู้ว่า นิยามความเป็นไอดอลของแต่ละคนคืออะไร?

 

แพร: ไอดอลสำหรับหนูคือการมีทักษะที่หลากหลายมาก ซึ่งตัวหนูจะมีพี่ๆ ที่เรารู้สึกเคารพ และแต่ละคนก็จะเก่งในด้านที่ตัวเองถนัดแตกต่างกันไป เช่น ตอนอยู่บนสเตจก็สามารถทำหน้าที่ได้ดี เป็นคนที่ Shine ตลอดเวลา มีท่วงท่าการเต้นเสียงร้องที่ส่งพลังไปถึงคนดูจริงๆ และอีกอย่างคือเป็นคนที่สามารถจัดการงานภายในและภายนอกได้อย่างเด็ดขาด มีคาแรกเตอร์การทำงานที่จริงจัง การจัดสรรที่ดี เป็น MC ที่เก่ง

 

หนูรู้สึกว่าไอดอลสำหรับหนูคือความหลากหลาย หนูรู้สึกว่าหนูอยากที่จะเป็นคนคนนั้น ที่ทำได้หลายอย่างในคนเดียว แม้อาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ทำได้ราบรื่นที่สุด หนูอาจจะไม่ใช่คนที่ร้อง-เต้นเก่งขนาดนั้น แต่หนูก็อยากเป็นคนที่เมื่อดูรวมๆ แล้วมีเสน่ห์ในตัวเอง เลยรู้สึกว่าอยากจะพยายามพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดนั้นเหมือนกัน

 

หลิงหลิง: สิ่งที่หนูอยากเป็นคือไอดอล หนูก็เริ่มมาจากการที่มีคนอื่นเป็นไอดอลมาก่อน เลยอยากเป็นไอดอลที่สร้างความฝันให้คนอื่นเหมือนกัน มันคงรู้สึกดีมากๆ ถ้ามีคนมาบอกว่าอยากเป็นเหมือนเรา เพราะถ้าเป็นแบบนั้นแปลว่าฉันต้องมีดีอะไรสักอย่าง (หัวเราะ)

 

อยากเป็นต้นแบบให้ใครสักคนหนึ่งได้ อยากเป็นคนที่แฟนคลับมองเราเป็นที่พึ่งทางใจได้ โดยเฉพาะในวันที่เขาท้อใจกับอะไรก็ตาม เราสามารถเป็นพลังและกำลังใจให้เขาได้ หนูอยากเป็นความสุขของใครสักคนจริงๆ

 

เพลิน: อยากเป็นไอดอลในแบบที่ทำให้คนกล้าเปิดใจออกมาลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่ตัวเองไม่เคยทำ เพราะหนูรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจเลย ไม่เคยกล้าลองทำอะไรเลย แต่อย่างน้อยหนูก็ยังลองมาสมัคร CGM48 เพราะโอกาสมันไม่ได้มาหาเราบ่อยๆ หนูเคยพลาดโอกาสหลายอย่างในชีวิตไปกับความไม่มั่นใจของตัวเองเยอะมาก หนูเลยอยากเป็นไอดอลที่บอกกับทุกคนว่า ถ้าอยากลองทำอะไรก็ทำเลย…ไม่ต้องกลัวไม่มั่นใจหรืออะไร

 

ถึงตอนนี้หนูยังไม่ได้เป็นคนที่มีความมั่นใจขนาดนั้น แต่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนมีความมั่นใจมากขึ้น

 

ขวัญ: หนูบอกเสมอเลยว่าหนูค่อนข้างเคารพในอาชีพไอดอลมาก คือถ้ายิ่งทำงานควบคู่ไปกับเรียนจะยิ่งเหนื่อยมากๆ หนูเลยรู้สึกว่าในมุมที่ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้อยู่ต่อหน้าแฟนคลับ หนูอยากเป็นคนหนึ่งที่ให้กำลังใจเมมเบอร์ด้วยกันเอง

 

ด้วยความที่ไอดอลเป็นงานที่หนัก แต่เมื่อเราเข้ามาแล้ว เรารู้อยู่แล้วว่าเราต้องเจออะไรบ้าง ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป ซึ่งหนูรู้สึกว่าหนูไม่ค่อยสบายใจเวลาเห็นพี่ๆ เมมเบอร์ที่เขาเฟลกับอะไรสักอย่าง มันพาให้เรารู้สึกไม่ดีไปด้วย เลยอยากให้กำลังใจเขามากๆ

 

อีกอย่างหนึ่ง นิยามของคำว่าไอดอลสำหรับหนู มันคือการเริ่มจากศูนย์แล้วค่อยๆ พัฒนาขึ้นไป จนไปเป็นคนที่เก่งขึ้น หนูอยากเป็นคนแบบนั้น คืออย่างที่บอกว่าหนูไม่ได้ร้อง-เต้นเก่งมาตั้งแต่แรก แต่หนูอยากให้แฟนคลับคอยติดตามพัฒนาการของหนู เพราะหนูค่อนข้างที่จะเชื่อมั่นในตัวเองว่าเราสามารถทำมันให้ค่อยๆ พัฒนาขึ้นไปได้ แล้วก็ทำให้ทุกคนเห็นว่า ทุกคนเองก็สามารถเริ่มจากศูนย์ได้เหมือนที่เราเริ่มจากศูนย์เหมือนกัน

 

รันม่า: อยากเป็นไอดอลที่มีความสุขในการทำงานนี้มากๆ ค่ะ คือเมื่อก่อนหนูเคยคิดนะว่า เราอยากจะเป็นไอดอลที่ส่งต่อความสุขให้คนอื่น ในระหว่างทางที่หนูเคยอยู่ในเส้นทางไอดอล หนูค้นพบว่าการที่เราจะส่งต่อความสุขนั้นได้ เราต้องมีความสุขจริงๆ ในการทำงานตรงนี้

 

ไอดอลคืองานที่ใช้จิตใจในการทำงานจริงๆ หนูคิดว่างานนี้เป็นงานที่ถ้าเราไม่ชอบ หรือถ้าเราไม่มีความสุขมันจะเป็นงานที่ทรมานมากๆ เพราะเราจะถูกมองด้วยสายตาของผู้คนตลอดเวลา เราไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเรา แล้วคือความคิดของเราก็จะชอบคิดไปในทางที่กังวลอยู่แล้ว ว่าคนนั้นเขาจะคิดอย่างไร

 

แต่ก่อนจะมาที่นี่หนูก็เคยถามตัวเองว่า ถ้าเรากลับมาเป็นไอดอลอีกครั้ง เราจะมีความสุขไหม…คำตอบก็คือ หนูจะมีความสุขกับสิ่งที่ทำอย่างแน่นอน ถึงแม้ระหว่างทางจะมีเรื่องชวนเครียดหรือกังวลบ้าง แต่หนูจะนึกย้อนกลับไปในวันนั้นว่า เป้าหมายที่พาเรามาอยู่ตรงนี้คืออะไร ซึ่งหนูจะมีความสุขกับการเป็นไอดอลต่อไปอย่างแน่นอน เพราะก่อนที่เราจะส่งมอบความรักหรือความสุขให้ใคร ตัวเราเองต้องมีความสุขก่อนเสมอ

 

CGM48 3rd Generation

 

Generation Change คือเพลงประจำของ CGM48 รุ่น 3…อยากให้ตัวแทนเล่าความรู้สึกตอนที่รู้ว่าเพลงนี้จะมาเป็นเพลงของพวกเรา

 

เพลิน: รู้สึกว่าพวกเราจะทำกันได้จริงๆ ใช่ไหม? เพราะเหมือนเพลงก่อนหน้านั้นที่เป็นเพลงเดบิวต์มีแต่เพลงสดใสๆ แต่พอมารุ่นเราแล้วแบบ…โอ้โห แล้วยิ่งมีแค่ 5 คน คือเพลงนี้เปลี่ยนทุกอย่างเลย ทั้งแนวเพลงก็เปลี่ยน จำนวนคนก็ลดลง มันก็เลยมีความกดดันว่าเราจะทำออกมาได้ดีไหม เพราะเหมือนเป็นการ Change จริงๆ

 

ตอนแรกก็แอบกดดันอยู่ แต่พอพวกเราเริ่มซึมซับเนื้อเพลง ท่าเต้น ก็รู้สึกว่าเราทำได้นะ สุดท้ายก็ออกมาเป็นผลงาน Generation Change อย่างที่ทุกคนเห็น พวกเรารู้สึกประทับใจและภูมิใจกับงานนี้มากๆ

 

หลิงหลิง: คิดว่าเพลงมีสตอรีที่ชัดเจน เพลงนี้เป็นเพลงรองในฝั่งญี่ปุ่น (เป็นเพลงรองของ Jiwaru DAYS) แล้วก็มาเป็นเพลงรองในซิงเกิลแกรดของพี่รินะด้วย (Sakura,Minna de Tabeta – ซากุระแห่งความทรงจำ) แล้วเป็นเพลงที่มาอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะกับ CGM48 มาก คือหลิงเคยพูดกับน้องๆ ว่า ถ้าเพลงนี้ไม่มารุ่นเรามันจะไปรุ่นไหนได้อีกนะ เพราะมันเป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงจริงๆ สำหรับ CGM48 ตอนนี้

 

เพลิน (เสริมความหมายของเพลง Generation Change): เป็นเพลงที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นอยู่ในนั้นมากๆ ความหมายคือเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความพยายามเพื่อที่จะไปถึงจุดหมายตรงนั้นมากๆ เขาเป็นคนมีความพยายามมากๆ เลยค่ะ เป็นเพลงที่ทำให้พวกเรามีแรงที่จะสู้ต่อไปจริงๆ 

 

ยิ่งพอเราอัดเสียง ได้ทำความเข้าใจกับเพลง ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องทำและพัฒนาตัวเองมากกว่านี้ เพื่อที่เราจะไปถึงจุดที่เราวางเอาไว้จริงๆ

 

 

เสียงจากตัวแทนของ CGM48 รุ่น 3 ในฐานะรุ่นแห่งการเปลี่ยนแปลง พวกเธออยากผลักดันวงนี้ไปในทิศทางไหนในอนาคต…

 

แพร: เป็นความตั้งใจของพวกเราที่มีจุดร่วมในความรู้สึกเดียวกัน คือเราอยากให้วงกลับไปดังเหมือนยุค BNK48 โด่งดังจากเพลง คุกกี้เสี่ยงทาย เหมือนกัน ต่อให้ตอนนั้นอาจจะไม่ใช่รุ่นของพวกเราก็ตาม อาจจะเป็นรุ่นน้องๆ ที่กำลังตามมา แต่พวกเราทั้ง 5 คนยังอยากให้วงอยู่ต่อไปได้ถึงจุดนั้นอีกรอบหนึ่ง อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วงเดินต่อไปข้างหน้าได้เรื่อยๆ

 

อยากให้ CGM48 ยังมีวัฒนธรรม กลิ่นอายของความเป็นภาคเหนือเหมือนเดิม แล้วก็อยากให้มีแนวเพลงอื่นที่ดุดันมากขึ้น อยากให้แฟนคลับมองว่าเราไม่ได้มีแค่แนวเพลงน่ารักสดใสนะ อยากให้เห็นว่าพวกเราก็สามารถไปในเวทีเพื่อแสดงโชว์ที่หลากหลายได้เหมือนกัน อยากส่งความมุ่งมั่นให้แฟนคลับทุกคนได้เห็นว่า เราทำได้มากกว่าที่ทุกคนเห็น

 

รันม่า: ล่าสุดพวกเราไปงาน Chiang Mai Music Journey เป็นงานที่มีคนเข้าร่วมเป็นหมื่นคน แล้ววันนั้นพวกเราแสดงต่อวง MEAN แล้วก็แสดงก่อน นนท์ ธนนท์ หนูรู้สึกว่าในมุมตัวเองมอง CGM48 เป็นวงที่ดังมากๆ แต่พอไปอยู่จุดนั้น มันอยู่ในจุดที่ไม่ได้มีแค่แฟนคลับเรา คือส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับจากวงอื่นๆ ด้วย เลยรู้สึกว่าหนูอยากทำให้ CGM48 เป็นของขึ้นชื่อของเชียงใหม่

 

อยากให้ CGM48 อยู่ทุกที่ของเชียงใหม่มากกว่านั้น หนูอยากให้มีโปสเตอร์อยู่ที่สนามบิน หนูอยากให้มีป้ายบอกเลยว่าเธียเตอร์ของพวกเราอยู่ที่นี่นะ ถ้าใครมาเชียงใหม่ก็นึกถึง CGM48

 

CGM48 3rd Generation

 

หลังจากที่เรามีเป้าหมายกับวงแล้ว สำหรับพวกเราทั้ง 5 คนในการเป็นสมาชิก CGM48 รุ่น 3 แต่ละคนมีความฝันที่อยากพาตัวเองไปประสบความสำเร็จ หรืออยู่ตรงไหนของวงนับจากนี้?

 

รันม่า: หนูอยากเป็นสตรีมเมอร์ชื่อดังของวง ช่วงนี้หนูรู้สึกว่าหนูกับเพื่อนๆ ชอบเล่นเกมกัน แล้วหนูรู้สึกว่าแฟนคลับก็สนใจอะไรแบบนี้ เลยอยากทำให้ 48 Group ในไทยไม่ได้มีแค่เรื่องเพลงอย่างเดียว อยากทำให้ต่อยอดในด้านนี้ได้ด้วย หนูอยากไปคอลลาบอเรชันกับสตรีมเมอร์ท่านอื่น หรือทำให้อีสปอร์ตมี BNK48 และ CGM48 เข้าไปอยู่ในเกมนั้นๆ หนูอยากให้มันแทรกซึมไปอยู่ในวงการตลาดอื่นด้วย

 

แพร: ตอนนี้เป้าหมายหนูอาจจะไม่ได้สูงถึงขั้นต้องไปเป็นเซ็นเตอร์แนวหน้าขนาดนั้น เพราะว่าหนูเข้ามาในตอนที่เป็นศูนย์จริงๆ ศูนย์แบบว่าร้องเพลงจับจังหวะไม่ได้ เป็นคนฟังเพลงน้อยมาก เวลาเต้นหนูเป็นคนที่รับท่ามาไว แต่ตอนที่ต้องจำท่าเต้น หนูจำได้ไม่ค่อยดีเท่าไร ช่วงแรกๆ ท่าเต้นเบสิกบางท่าหนูแทบทำไม่ได้เลย ใน 5 คนของรุ่น 3 หนูจะเป็นคนที่ค่อนข้างช้าที่สุด แต่หนูก็จะบอกตัวเองว่า เราช้าไม่เป็นไร แต่วันแสดงจริง วันที่โชว์ต่อหน้าแฟนคลับต้องทำอย่างไรก็ได้ให้เรากลมกลืนไปกับเพื่อนๆ

 

เป้าหมายในตอนนี้คือ อยากเต้นเพลงในวงให้ได้ทุกเพลง หนูเชื่อว่าพอร่างกายเราชินแล้วเราจะส่งความ Shine ออกไปถึงแฟนๆ อาจไม่ต้องเก่งมากก็ได้ แต่อยากสื่ออารมณ์ออกไปให้ถึงคนดู

 

ทุกครั้งที่ต้องขึ้นเวทีหนูไม่เคยมีความกังวลเลย หนูกลับรู้สึกดีใจมากๆ ที่จะได้ออกไปโชว์ มันมีความสุขในการเต้น การร้องเพลงบนเวที หนูมีความสุขมากๆ เป้าหมายของหนูก็คือแค่อยากพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ให้แฟนคลับเห็นพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีจริงๆ

 

หลิงหลิง: อาจจะไม่เหมือนรันม่ากับแพร ตรงที่หลิงเป็นคนที่มีเรื่องราวตามแบบฉบับเพลง Generation Change แบบนั้นจริงๆ หมายถึงว่าภายนอกอาจจะไม่ได้ดูเป็นคนทะเยอทะยานขนาดนั้น แต่จริงๆ ทะเยอทะยานมากกก

 

หลิงรู้สึกว่าการมา CGM48 หลิงเสียอะไรไปเยอะ หมายถึงว่าก็แลกกับหลายๆ อย่างเพื่อมาอยู่ตรงนี้ อย่างเรื่องของการที่ต้องไกลบ้าน รวมถึงเรื่องเรียนด้วย ตั้งแต่ที่รู้ว่าจะต้องย้ายมา CGM48 หลิงก็คิดกับตัวเองว่า เราจะทำอย่างไรก็ได้ คือต้องคุ้มกับสิ่งที่เราต้องแลกไป

 

อะไรก็ตามที่เขาบอกว่าเป็นจุดสูงสุดของการเป็นไอดอล 48 Group หลิงอยากไปถึงจุดนั้นให้หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเตอร์เพลงหลักหรืออะไรก็ตาม หลิงก็ตั้งเป้าไว้ว่าในช่วงชีวิตในการเป็นไอดอลอยากไปให้ถึงให้ได้

 

หรือแม้แต่ตำแหน่งกัปตันที่มีช่วงเปลี่ยนผ่านกันไป คือหลิงรู้ว่ามันยังไม่ใช่เวลาของพวกเราในตอนนี้ แต่ถ้าได้โอกาสก็อยากทำให้ทุกคนเห็นว่าเราเป็นผู้นำ เป็นกัปตันได้เหมือนกันนะ

 

หลิงเป็นพวกชอบผลลัพธ์ค่ะ ชอบอะไรที่จับต้องได้ สมมติว่าเราจะพัฒนาทักษะสักอย่างหนึ่ง คือหลิงต้องมีพัฒนาการที่จับต้องได้ อย่างการได้เป็นเซ็นเตอร์ก็คือผลลัพธ์ของพัฒนาการอย่างหนึ่ง เป้าหมายในวงสำหรับหลิงคือทำอย่างไรก็ได้ให้ไปถึงจุดสูงสุดที่เราพอจะไปได้

 

ขวัญ: หนูจะคล้ายพี่หลิง แต่ต่างกันตรงที่พี่หลิงเป็นคนมีพื้นฐานอยู่แล้ว ส่วนหนูไม่ใช่คนที่มั่นใจอะไรขนาดนั้น หนูอยากเป็นไอดอลที่ได้ทำในสิ่งต่างๆ จนอยู่ในจุดที่ไม่มีอะไรที่คาใจกับการทำหน้าที่ไอดอลแล้ว

 

ถึงจะไม่ได้มั่นใจเท่าพี่หลิง แต่เป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองว่า ถ้าเราได้โอกาสตรงนี้จริงๆ หนูก็ทำได้เหมือนกัน หนูมั่นใจมากว่าหนูทำได้

 

เพลิน: หนูรู้สึกว่าสิ่งที่หนูอยากจะทำไม่มีที่สิ้นสุด มันทำต่อไปได้เรื่อยๆ หนูอยากพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ดีขึ้นในทุกๆ วัน

 

ถ้าถามว่าจุดสูงสุดสำหรับหนูคืออะไร…หนูก็คงตอบไม่ได้ เพราะหนูว่ามันไปได้ไกลกว่านั้นอีกเรื่อยๆ คือไม่ได้มีเป้าหมายสูงแบบไกลตัว แค่มองเป็นทีละสเต็ป เป็นขั้นบันไดให้เราได้ไต่และเรียนรู้ไปกับสิ่งต่างๆ ได้ตลอดเวลา

 

CGM48 3rd Generation

 

อาจจะอยู่กับวงได้ไม่นาน แต่อยากรู้ว่า…ความสุขของการเป็น CGM48 ของทั้ง 5 สาวคืออะไร

 

หลิงหลิง: เป็นคำถามที่ไม่น่าร้องไห้ แต่ตอนนี้เหมือนอยากจะร้องไห้ (หัวเราะ) หลิงก็ไม่เคยถามตัวเองจริงจังว่าเข้ามาเป็น CGM48 แล้วความสุขแท้จริงในการอยู่ตรงนี้ของเราคืออะไร การทำหน้าที่ไอดอลตรงนี้หลิงมีความสุขมากเลยนะ แต่บางครั้งเราก็เผลอกดดันตัวเองจนหลงลืมไปว่าความสุข ณ วันนี้คืออะไร

 

สำหรับหลิงคิดว่าการได้เป็นไอดอลก็มีความสุขแล้ว คือก่อนหน้านี้มีโอกาสไปทำอย่างอื่น แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่ได้ชอบแต่แรก เลยไม่ได้มีความสุขกับสิ่งนั้นเท่าไร จนได้มาเป็นสมาชิก CGM48 ได้ทำหน้าที่ในแบบที่เราวาดฝันมาเสมอ มันก็สุขใจมากแล้วจริงๆ

 

แพร: ของหนูน่าจะเป็นในแง่ของความอบอุ่น อันดับแรกคือเราเข้ามา เราเจอจากพี่ทีมงาน พี่รินะ ผู้บริหาร ทุกคนในวงของเรามีความน่ารักมากๆ รวมถึงแฟนคลับ ไม่ว่าจะไปออกงานที่ไหนพวกเขาจะตามไปเชียร์กันตลอด

 

มีวันหนึ่งในงาน Hi-Touch เหตุการณ์นั้นทำหนูร้องไห้เลย เพราะว่าพวกเขามารอเราตั้งแต่ก่อนห้างเปิด แล้วอยู่ยาวจนงานเลิก มันเป็นความรู้สึกดีใจที่ผสมกับความเกรงใจ แต่ถ้าเขามีความสุขหนูก็มีความสุขเหมือนกันค่ะ

 

ขวัญ: ความสุขของหนูคือการได้เป็นไอดอลอยู่บนเวที ตั้งแต่เด็กเวลามองคนอื่นยืนอยู่บนเวที หนูคิดเสมอว่าอยากไปอยู่ตรงนั้นบ้างจัง ได้ถูกสายตาของพ่อแม่และแฟนคลับมองด้วยความภูมิใจ ดังนั้นการได้ไปขึ้นสเตจและทำให้คนที่เรารักภูมิใจถือเป็นความสุขที่พิเศษสำหรับตัวหนู

 

รันม่า: ความรู้ของหนูก็คือการเป็น CGM48 นี่แหละ ทุกช่วงเวลาที่อยู่กับวงนี้คือช่วงเวลาแห่งความสุขสำหรับหนูทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตตามปกติ การออกไปโชว์แล้วได้รับฟีดแบ็กชื่นชมจากแฟนๆ รวมถึงจากครูที่ฝึกฝนเราในวง มันเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขทั้งหมด เพราะเราตั้งใจไว้แล้วว่าการมาอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็จะมีความสุขกับการทำหน้าที่ตรงนี้

 

เพลิน: ความสุขของหนูคือการเอาชนะตัวเองได้ เวลาหนูทำอะไรที่สำเร็จขึ้นมาสักอย่าง หนูจะรู้สึกสะใจมาก สนุกมาก เพราะถ้านึกย้อนกลับไปดูระหว่างทาง กว่าจะมาถึงจุดที่เราทำสำเร็จหนูผ่านอะไรมาเยอะมาก เลยรู้สึกว่าชอบและมีความสุข โดยเฉพาะตอนที่เราเอาชนะความท้าทาย ชนะใจตัวเอง หรือความกลัวที่มันติดอยู่ในก้นบึ้งใจเรา

 

มาถึงตรงนี้ THE STANDARD POP หยิบยกคำถามที่เป็นเหมือนกิมมิกในวงสัมภาษณ์กับน้องๆ ในวง CGM48 มาถามทั้ง 5 สาว

 

เพราะสุดท้ายนี้เชื่อว่าทุกคนต่างได้รับคำชื่นชม กำลังใจที่ดีจากคนรอบข้างมาเยอะแล้ว แต่เหนือสิ่งอื่นใด ‘ไม่มีใครรู้จักเราได้ดี…เท่าตัวเราเอง’

 

ถ้าให้พาตัวเราอีกคนมานั่งอยู่ตรงหน้า อยากพูด อยากขอบคุณ หรืออยากบอกอะไรกับเขาคนนี้ 😊

 

 

รันม่า: อยากบอกตัวเองว่า เก่งมากๆ เลยนะที่ฝ่าฟันสิ่งต่างๆ มาจนถึงวันนี้ ย้อนไปตอนที่วงเก่ากำลังจะยุบ หนูรู้สึกเศร้ามาก หนูเชื่อว่าเหตุการณ์นั้นน่าจะทำให้เพื่อนๆ หลายคนรู้สึกเศร้าไม่ต่างกัน หนูอยากจะบอกว่าอย่างพี่เเนล สาวน้อย คนอื่นๆ ที่มาออดิชันกับ BNK48, CGM48 น่าจะผ่านอะไรมาเหมือนกัน และน่าจะมีความรู้สึกไม่ต่างกัน แต่ทุกคนยังเดินหน้าสู้เพื่อทำให้สิ่งที่รักต่อไป

 

หนูอยากจะขอบคุณตัวเองที่ยังมีความสุขกับการอยู่ตรงนี้ ขอบคุณที่ไม่แหลกสลายไปกับความเศร้าในอดีต ขอบคุณที่ไม่ล้มเลิกความตั้งใจและยังคงซื่อสัตย์กับความฝันบนเส้นทางไอดอลที่เรารัก และอยากถือโอกาสขอบคุณใครหลายคนในชีวิตหนูที่ซัพพอร์ตกันมาตลอด และขอบคุณตัวเองจริงๆ ที่อย่างน้อยเกิดมาครั้งหนึ่งในชีวิต เราได้ทำความฝันของตัวเองสำเร็จแล้ว

 

CGM48 3rd Generation

 

แพร: หนูเป็นคนที่เวลาเศร้ามากๆ จะชอบระบายโดยการร้องไห้ เพราะเป็นคนร้องไห้ง่าย มันเหมือนเราได้โอบกอดตัวเองมาตลอด เลยรู้สึกขอบคุณตัวเองที่คอยอยู่กับตัวเอง และรักษาความรู้สึกของตัวเรามาโดยตลอด

 

ขอบคุณตัวเองที่กล้ามาสมัคร CGM48 รุ่น 3 เพราะการตัดสินใจมาออดิชันที่นี่ ถือว่าเป็นก้าวแรกของหนูที่กล้าทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ด้วยตัวเองจริงๆ ซึ่งหนูจะคอยตอบแทนด้วยการทำอะไรที่ดูเฮลตี้กับทั้งร่างกายและจิตใจมาตลอด

 

และอยากจะขอโทษตัวเองที่ชอบคิดกังวลเกินไปจนเผลอบั่นทอนจิตใจตัวเองในบางเวลา อยากจะบอกตัวเองว่าไม่ต้องคิดแบบนั้นนะ เพราะมีหลายคนที่คอยซัพพอร์ตเราอยู่ จงสู้และก้าวเดินต่อไปอย่างมีความสุข

 

 

หลิงหลิง: จริงๆ หลิงเป็นคนคิดถึงตัวเองน้อยมาก คือชอบตั้งเป้าหมายให้ตัวเองก็จริง แต่ไม่เคยคิดว่าระหว่างทางตัวเองจะเป็นอย่างไร

 

หนูเป็นคนเหมือนสนใจคนอื่นเยอะ แต่บางทีมันเป็นข้อเสียในบางเวลา ตรงที่เราแคร์ทุกคนจนลืมแคร์ตัวเอง

 

ล่าสุดแม่หนูก็โทรมาชม แล้วแม่รู้จักนิสัยของหนูดี เขาก็พยายามให้หนูพูดชมตัวเองให้แม่ฟังหน่อย แต่ผลคือหนูพูดไม่ได้ อย่างวันเดบิวต์ที่ทุกคนบอกว่าเราทำดีมาก คือตัวหนูยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ดีขนาดนั้น มันเหมือนคอยหาแต่ข้อเสียของตัวเองตลอดเวลา ซึ่งมันไม่ดีเลย 

 

เลยอยากขอบคุณตัวเองที่ยังดื้อ ยึดมั่นในตัวเอง ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาง่ายๆ โดยเฉพาะในวันที่หลายคนบอกให้เราหยุด ให้เราพอกับเส้นทางนี้ได้แล้ว จนสุดท้ายเราก็สู้จนทำให้ทุกคนเห็นว่าเราทำได้ วันนี้เรามาเป็นไอดอลแบบที่ฝันจนได้แล้วนะ

 

 

ขวัญ: ขอบคุณที่ไม่ปิดโอกาสตัวเองตั้งแต่แรก ขอบคุณที่ตัดสินใจมาสมัคร CGM48 รุ่น 3 ในที่สุดเราก็มาถึงวันนี้จนได้

 

หนูต้องขอบคุณตัวเองด้วยที่เข้มแข็งขนาดนี้ เพราะก่อนงานวันเปิดตัวมันมีวันที่แย่ที่สุดสำหรับหนู วันนั้นหนูสูญเสียกำลังใจสำคัญไป ตอนนั้นคือแอบคิดอยู่ว่าเราเหมาะสมที่จะมาอยู่ตรงนี้จริงไหม เลยอยากขอบคุณตัวเองที่ยังเข้มแข็งอยู่ เดินหน้าทำมันต่อไป ไม่ย่อท้อต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น และอีกอย่างคือสำหรับหนูการพบเจอแฟนคลับช่วยฮีลใจมากจริงๆ

 

 

เพลิน: หนูอยากขอบคุณตัวเองที่ยังอยู่ตรงนี้ คือตอนแรกที่เข้ามาตรงนี้หนูก็มีคิดเตรียมใจไว้แล้วว่า ต้องมีคนที่แอนตี้เราแน่ๆ ตอนที่เราได้รับโอกาสเป็นเซ็นเตอร์ หนูก็เข้าใจนะว่าคงมีแฟนคลับที่มองว่าเราไม่เหมาะสม เพราะก่อนที่จะประกาศเซ็นเตอร์เพลงประจำรุ่น หนูก็โดนว่ามาก่อนหน้านั้นสักพัก แล้วพอเราได้รับหน้าที่นี้มาเหมือนความแอนตี้มันยิ่งทวีคูณขึ้นไป

 

ตอนแรกหนูจะไม่สู้แล้ว เรื่องนี้หนูเคยปรึกษาพี่รันม่าหลายรอบมากว่า หนูจะอยู่ต่อได้จริงใช่ไหม? หนูไหวใช่ไหม? คือตอนนั้นหนูทำอะไรก็โดนว่าไปหมดเลย มันโดนเยอะมากจนเริ่มท้อ

 

เลยอยากขอบคุณตัวเองที่อดทนมาถึงตรงนี้ ถึงวันนี้หนูอาจจะยังทำได้ไม่ดี แต่ว่าหนูก็จะพัฒนาศักยภาพของตัวเองและเดินหน้าต่อไป เพราะหนูชอบ หนูรักที่จะเป็นไอดอลตรงนี้มากๆ แล้วก็ดีใจที่ตัวเองยังสู้จนได้เดบิวต์พร้อมเพื่อนๆ พี่ๆ

 

ขอฝากพวกเรา CGM48 รุ่นที่ 3 ด้วยนะคะ 😀

 

ฟังเพลง: Generation Change / CGM48

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising