วันนี้ (12 พฤศจิกายน) พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนการคัดเลือกประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทยว่าใช่ กิตติรัตน์ ณ ระนอง หรือไม่ว่าตนเองยังไม่ทราบ เพียงแต่ทราบตามข่าวเหมือนทุกคน และเห็นช้ากว่าคนอื่นด้วยเพราะขณะนั้นติดประชุมอยู่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับมติรายชื่อดังกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าขั้นตอนหลังจากนี้จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอตามขั้นตอนหรือไม่ พิชัยกล่าวว่าหลังจากนี้คณะกรรมการสรรหาคงแจ้งมาที่ตน และรอดูว่าจะสรุปผลมาให้อย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารายชื่อเป็นไปตามข่าวหรือไม่ พิชัยกล่าวว่าตนคิดว่าคณะกรรมการสรรหาคงไม่บอกใคร ตนเองก็เห็นตามข่าวเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็รอตามขั้นตอนของกฎหมาย มาเมื่อไรก็เมื่อนั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหากเป็นกิตติรัตน์จะต้องรับแรงกระแทกและถูกมองว่ามีการเมืองแทรกแซงหรือไม่ พิชัยกล่าวว่าเป็นใครก็เหมือนกัน เพราะหน้าที่ถูกเขียนใน พ.ร.บ. ชัดเจนว่าประธานคณะกรรมการและคณะกรรมการ ธปท. ต้องทำหน้าที่อย่างไร และของเดิมก็แบ่งหน้าที่ไว้ชัดเจนว่าคณะกรรมการชุดใหญ่ดูแลอะไร และ 4 ชุดที่เหลือมีหน้าที่อะไร ฉะนั้นทุกอย่างมีหน้าที่ชัดเจนและมีความเป็นอิสระ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหากกิตติรัตน์เริ่มทำงานในตำแหน่งจะเป็นอย่างไรต่อนั้น พิชัยกล่าวว่าถ้ากิตติรัตน์นั่งทำหน้าที่ตรงนั้นก็ต้องทำหน้าที่ให้กับ ธปท. พร้อมยืนยันว่าใครทำหน้าที่ไหนก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ที่นั่น ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบ
เมื่อถามว่าการทำงานของรัฐบาลและ ธปท. จะง่ายขึ้นหรือไม่ พิชัยกล่าวว่าในส่วนรัฐบาลก็คือตน ซึ่งตนก็ทำงานง่ายอยู่แล้วและไม่มีปัญหา เพราะเชื่อว่าในความเป็นประเทศ รัฐบาลดูแลเรื่องคลัง และแบ่งหน้าที่เรื่องเงินในภาพใหญ่ให้ ธปท. ดูแล และเมื่อดูแล้วก็พยายามปรับให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ฉะนั้นหากมีการพูดคุยกันบ่อยขึ้นก็จะจูนเข้าหากัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเป็นกิตติรัตน์จะถือว่าเป็นแต้มต่อหรือไม่ พิชัยกล่าวว่าเราไม่ได้สู้กัน แต่เราทำงานร่วมกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นการลดช่องว่างเรื่องนโยบายระหว่างกระทรวงการคลังและ ธปท. ใช่หรือไม่ พิชัยปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีผู้ไปร้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหากมีการเสนอชื่อกิตติรัตน์ พิชัยกล่าวว่าเรื่องนี้ตนไม่ทราบ ไม่ได้มีการพูดถึงคุณสมบัติ และคิดว่ากระทรวงการคลังก็ต้องทำหน้าที่ที่ควรทำ