×

รีพับลิกันแลนด์สไลด์! เมื่อแฮร์ริสต้านพิษเงินเฟ้อและกระแสต่อต้าน Woke ไม่ไหว

07.11.2024
  • LOADING...
ทรัมป์ แถลงชัยชนะกับครอบครัว

การเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน สรุปผลออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งอย่างเด็ดขาดและได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป โดยที่เขาชนะที่รัฐสีม่วงทั้ง 7 สนาม ซึ่งถือว่าผิดคาดเล็กน้อย เพราะผลโพลก่อนเลือกตั้งระบุว่าเขาน่าจะชนะที่รัฐสีม่วงทางภาคใต้ (เนวาดา, แอริโซนา, นอร์ทแคโรไลนา และจอร์เจีย) อย่างสบายๆ ในขณะที่แฮร์ริสมีคะแนนนำอยู่เล็กน้อยที่รัฐสีม่วงทางภาคเหนือ (วิสคอนซิน, มิชิแกน และเพนซิลเวเนีย)

 

ยิ่งไปกว่านั้นพรรครีพับลิกันของเขายังพลิกกลับมาครองเสียงข้างมากที่สภาสูงหรือวุฒิสภา โดยที่ผู้สมัครของพวกเขาชิงที่นั่งมาจากเดโมแครตได้ที่เวสต์เวอร์จิเนีย, โอไฮโอ และมอนแทนา ทำให้พวกเขาครองที่นั่งได้อย่างน้อยๆ 52 ที่นั่งจาก 100 ที่นั่งแล้ว ในขณะที่การเลือกตั้งของสภาล่างหรือสภาผู้แทนราษฎรยังไม่ทราบผลอย่างเป็นทางการ เพราะเรายังต้องรอผลการนับคะแนนที่รัฐแคลิฟอร์เนียที่อาจใช้เวลากว่า 1 สัปดาห์ในการรอบัตรเลือกตั้งที่ส่งมาทางไปรษณีย์ แต่ก็มีแนวโน้มสูงว่ารีพับลิกันจะครองที่นั่งข้างมากในสภาล่างเช่นกัน

 

บทความนี้จะวิเคราะห์ถึงเหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จของทรัมป์และพรรครีพับลิกัน

 

การเมืองคือเรื่องปากท้อง

 

โลกยุคหลังโควิดนั้นประสบปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรง อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบของรัฐบาลทั่วโลกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ รวมไปถึงปัญหาการติดขัดของห่วงโซ่อุปทานอันเกิดจากการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งทำให้ประชาชนทั่วโลกได้รับผลกระทบจากปัญหาสินค้าราคาแพง นำไปสู่ความไม่พอใจในรัฐบาลของประเทศตน จนทำให้รัฐบาลยุคหลังโควิดพ่ายแพ้การเลือกตั้งในเกือบทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพรรคคอนเซอร์เวทีฟของสหราชอาณาจักรที่แพ้การเลือกตั้งให้กับพรรคเลเบอร์เป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ, พรรค LDP ของญี่ปุ่นที่เสียที่นั่งข้างมากในสภาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 หรือแม้แต่ประเทศไทยของเราที่เห็นการพ่ายแพ้ของพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อปีที่แล้ว

 

สำหรับที่สหรัฐอเมริกานั้น ถึงแม้ว่ารัฐบาลของ โจ ไบเดน จะประคับประคองปัญหาเงินเฟ้อได้ค่อนข้างดีกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ แต่ชาวอเมริกันก็ยังมองว่าเขาทำได้ไม่ดีพอ อันเป็นผลให้คะแนนความนิยมของเขาตกต่ำ และก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาต้องยอมส่งไม้ต่อให้กับแฮร์ริส แต่แฮร์ริสก็เป็นรองประธานาธิบดีของเขา ซึ่งก็ต้องได้รับคำตำหนิในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ยิ่งเมื่อคู่แข่งของเธอเป็นทรัมป์ที่มีภาพของนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ และชาวอเมริกันก็มีภาพจำว่าเศรษฐกิจในยุครัฐบาลทรัมป์ 1 นั้นดีมาก (ก่อนที่จะมีปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด) ก็ยิ่งทำให้ชาวอเมริกันโหยหาและอยากเลือกทรัมป์กลับมาแก้ปัญหาข้าวยากหมากแพงอีกครั้ง

 

กระแส Woke ตีกลับ

 

อีกปัญหาของแฮร์ริสและเดโมแครตคือพวกเขาถูกมองว่าเป็นพรรคของพวก Woke ที่ให้ความสำคัญกับกลุ่ม LGBTQIA+ และความหลากหลายทางชาติพันธุ์ (Diversity, Equity and Inclusion) ซึ่งนั่นก็ทำให้ผู้ชายจำนวนมากมองว่าเดโมแครตไม่ใช่พรรคของพวกเขาและหันไปโหวตให้ทรัมป์แทน (สะท้อนมาใน Exit Poll) ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับชายผิวขาวเท่านั้น แต่ยังเกิดกับชายผิวสีโดยเฉพาะชายผิวสีอายุน้อยที่ไม่ได้มีความทรงจำเรื่องการต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมือง (Civil Rights) เคียงบ่าเคียงไหล่มากับพรรคเดโมแครต ซึ่งนั่นทำให้คะแนนของแฮร์ริสลดลงทั้งในเขตเมืองและชนบท

 

มองไปในปี 2028

 

เดโมแครตเสนอให้ผู้หญิงขึ้นมาเป็นตัวแทนของพรรคมาแล้ว 2 ครั้งเพื่อสู้กับทรัมป์คือ ฮิลลารี คลินตัน ในปี 2016 และแฮร์ริสในปีนี้ ซึ่งพวกเขาก็พ่ายแพ้ทั้ง 2 ครั้ง ในขณะที่ครั้งเดียวที่พวกเขาเอาชนะทรัมป์ได้คือการให้ชายผิวขาวที่มีภาพลักษณ์ของการเป็นคนกลางๆ อย่างไบเดนมาเป็นผู้แทนพรรค เดโมแครตน่าจะนำข้อเท็จจริงนี้มาเป็นบทเรียนและน่าจะเลือกชายผิวขาวมาเป็นผู้แทนพรรคอีกครั้งในปี 2028 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่พวกเขากำลังสูญเสียคะแนนนิยมจากชายอายุน้อยด้วยภาพลักษณ์ของการเป็นพรรคที่ไม่ ‘แมน’ พอ

 

ภาพ: Jim Watson / AFP

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X