ความวุ่นวายทางการเมืองในสหรัฐฯ กำลังผลักดันให้มหาเศรษฐีอเมริกันจำนวนมากเร่งวางแผนย้ายถิ่นฐานออกนอกประเทศ ก่อนการเลือกตั้งใหญ่วันที่ 5 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา
โดยหลายคนกังวลว่าจะเกิดความไม่สงบทางการเมืองและสังคมไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งก็ตาม ส่งผลให้ทนายความด้านการย้ายถิ่นฐานต่างรายงานตรงกันว่า มีความต้องการขอพาสปอร์ตที่สอง หรือสิทธิพำนักระยะยาวในต่างประเทศพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
โดมินิก โวเลก หัวหน้าฝ่ายลูกค้าเอกชนของ Henley & Partners บริษัทที่ปรึกษาด้านการย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศสำหรับคนรวย เผยว่า “เราไม่เคยเห็นความต้องการที่สูงขนาดนี้มาก่อน”
ชาวอเมริกันกลายเป็นฐานลูกค้าใหญ่ที่สุดของบริษัท คิดเป็น 20% ของธุรกิจทั้งหมด ซึ่งมากกว่าลูกค้าสัญชาติอื่นใด และจำนวนชาวอเมริกันที่วางแผนย้ายไปต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ผลสำรวจของ Arton Capital บริษัทที่ปรึกษาด้านโครงการย้ายถิ่นฐานสำหรับคนรวย พบว่า 53% ของเศรษฐีอเมริกันระบุว่า พวกเขามีแนวโน้มจะออกจากสหรัฐฯ หลังการเลือกตั้งไม่ว่าใครจะชนะก็ตาม โดยเศรษฐีรุ่นใหม่ที่อายุ 18-29 ปี มีความสนใจมากที่สุด โดย 64% ระบุว่า ‘สนใจมาก’ ที่จะขอ ‘วีซ่าทองคำ’ (Golden Visa) ผ่านโครงการลงทุนเพื่อขอสิทธิพำนักในต่างประเทศ
เดวิด เลสเปอแรนซ์ ผู้จัดการหุ้นส่วนของ Lesperance and Associates บริษัทด้านภาษีและการย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ เผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่จ้างเขาเพื่อวางแผนย้ายไปต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยระบุว่าลูกค้าบางรายให้เหตุผลว่า “ผมไม่อยากอาศัยอยู่ในอเมริกาแบบ MAGA” ซึ่งหมายถึงนโยบาย ‘ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง’ (Make America Great Again) ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มักสร้างความแตกแยกในสังคม
ขณะที่บางรายกังวลเรื่องความรุนแรงว่า หาก โดนัลด์ ทรัมป์ แพ้การเลือกตั้ง หรือแผนเก็บภาษีกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงของรองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส สำหรับผู้ที่มีทรัพย์สินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.37 พันล้านบาท) ประเทศปลายทางยอดนิยมสำหรับชาวอเมริกันส่วนใหญ่คือประเทศในยุโรป โดยเฉพาะโปรตุเกส, มอลตา, กรีซ, สเปน, แอนติกาและบาร์บูดา รวมถึงอิตาลี ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
มอลตายังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับพาสปอร์ตที่สองของเศรษฐีอเมริกัน แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1-1.2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 33.6-40.4 ล้านบาท) แต่ก็ให้สิทธิพำนักและเดินทางในสหภาพยุโรปอย่างไม่มีข้อจำกัด
อย่างไรก็ตาม อย่าคาดหวังว่าจะได้สัญชาติหรือสิทธิพำนักในทันที เนื่องจากมีผู้สมัครจำนวนมากและต้องผ่านการตรวจสอบประวัติ รวมถึงการอนุมัติหลายขั้นตอน กระบวนการอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือมากกว่าหนึ่งปี และรายชื่อผู้รอคิวอาจยาวขึ้นซึ่งขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง
ดังที่ เดวิด เลสเปอแรนซ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “จำนวนผู้สมัครขอวีซ่าและสิทธิพำนักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผมคาดว่าจะมีลูกค้าหน้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกมากหลังจากทราบผลการเลือกตั้งในวันที่ 6 หรือ 7 พฤศจิกายนนี้”
ภาพ: Cheney Orr / Reuters
อ้างอิง: