วันนี้ (19 ตุลาคม) ที่กระทรวงสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้แถลงข่าวความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนโควิด-19 สำหรับคนไทย
อนุทินกล่าวว่าแผนของกระทรวงคือต้องให้คนไทย 50% ของจำนวนประชากรได้เข้าถึงวัคซีน และเพื่อให้มั่นใจว่าคนไทยได้รับวัคซีนไม่ล่าช้า ทางกระทรวงมีแผนการเข้าถึงโดยแบ่งเป็นการร่วมมือในโครงการ COVAX ขององค์การอนามัยโลก ซึ่งกระทรวงแสดงเจตนารมณ์เข้าร่วมโครงการไปแล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีสถาบันวัคซีน กรมควบคุมโรค สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลประสานงาน
“โครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ หากมีประเทศใดประสบความสำเร็จในการผลิตวัคซีน ประเทศอื่นๆ ก็จะได้ประโยชน์ตามไปด้วย” อนุทินกล่าว
อนุทินยังกล่าวอีกว่ากระทรวงได้ร่วมมือกับทีมผู้ผลิตซึ่งกำลังทดสอบวัคซีนโควิด-19 ในมนุษย์ หรืออยู่ในระยะที่ 3 มีทั้งทีมของเอเชีย ยุโรป และกำลังดำเนินไปพร้อมกับการเจรจาแบบกลุ่มเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงวัคซีนให้มากยิ่งขึ้น
“ที่เป็นรูปธรรมคือความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข, บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด, เอสซีจี และแอสตราเซเนกา ที่ได้ลงนามในหนังสือร่วมผลิตและจัดหาวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด” อนุทินกล่าว
อนุทินยังบอกด้วยว่าในส่วนของทีมผู้ผลิตวัคซีนในประเทศ ทางกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญและสนับสนุนเพื่อให้ทีมผู้ผลิตดำเนินการคล่องตัว รวดเร็ว ทีมที่มีความคืบหน้ามากที่สุดแบ่งเป็น ทีมของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นวัคซีนชนิด mRNA นอกจากนั้นยังมีวัคซีนแบบ DNA ของบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด รวมถึงทีมผู้ผลิตจากบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ร่วมมือกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ผลิตวัคซีนจากการสกัดโปรตีนในพืช
“ทั้งนี้ทีมต่างๆ ได้หารือกับหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด ตามแผนการในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 ประเทศไทยจะมีต้นแบบวัคซีนโควิด-19 ความร่วมมือทั้งหมดคือทีมไทยแลนด์ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมด้วยช่วยกัน ใช้ทุกองคาพยพจัดหาวัคซีนโควิด-19 มาให้ประชาชนอย่างเพียงพอ” อนุทินกล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์