×

10 เรื่องต้องรู้ของหุ้น IPO ‘มิลเลนเนียม กรุ๊ป’ ผู้นำเข้าและจำหน่าย ‘รถ-เรือหรู’ รายเดียวในตลาดหุ้นไทย

19.04.2023
  • LOADING...

ก้าวเข้าสู่ไตรมาส 2/66 แล้ว ตลาดหุ้น IPO ยังคงคึกคักต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันมีบริษัท IPO ไปแล้วรวม 12 บริษัท ขณะที่ฝั่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็ออกมาให้ข้อมูลตอกย้ำว่า ทั้งปี 2566 มีโอกาสที่จำนวน IPO จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากปี 2565 ที่มีจำนวนรวม 42 บริษัท โดยในปีนี้มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ขนาดใหญ่อีกจำนวนหลายแห่งที่เตรียมจะขาย IPO อีกด้วย

 

โดยในเดือนเมษายนนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กำลังจะมีหุ้นน้องใหม่เป็นรายที่ 13 ของปีนี้เพิ่มเข้ามาอีกราย THE STANDARD WEALTH จะพาไปทำความรู้จักหุ้น IPO บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC กับข้อมูลสำคัญที่ควรรู้ เพื่อนำมาประกอบก่อนการตัดสินใจในการลงทุน

 

1. ทำธุรกิจอะไร

 

MGC เป็น Holding Company ทำธุรกิจในอุตสาหกรรมยานยนต์ แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 

 

  • ธุรกิจจำหน่ายยานยนต์แบรนด์หรู ได้แก่ Rolls-Royce, BMW, MINI, Honda, บิ๊กไบค์ BMW Motorrad, Harley-Davidson ธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายเรือยอชต์และเรือแม่น้ำ Chris-Craft 
  • ธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ
  • ธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์และคนขับ, บริการให้เช่าเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว VistaJet 

 

2. ราคาขายหุ้น IPO

 

MGC ขาย IPO หุ้นละ 7.95 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ประมาณ 14.72 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งเท่ากับ 603.50 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันซ่า เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

 

3. แผนใช้เงินจาก IPO

 

MGC ระดมทุนจากการขาย IPO มูลค่าประมาณ 2,226 ล้านบาท แบ่งใช้ลงทุนในบริษัท Alpha X จำนวนประมาณ 500 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น, คืนหนี้สถาบันการเงินประมาณ 1,348.40-1,448.40 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 204.20-304.20 ล้านบาท 

 

4. เข้าเทรดวันไหน

 

หุ้น MGC จะเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 26 เมษายน 2566 ในหมวดธุรกิจยานยนต์ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ประมาณ 8,904 ล้านบาท ปัจจุบันยังไม่มีบริษัทจดทะเบียนในรูปแบบเดียวกับ MGC ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์

 

5. หุ้นของ ‘ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร’ ที่ไม่ติด Silent Period

 

มีจำนวน 224 ล้านหุ้น คิดเป็น 20% ของหุ้นของบริษัทหลัง IPO 

 

6. ร่วมทุน ‘ไทยพาณิชย์’ ตั้ง Alpha X

 

ในปี 2564 MGC ร่วมทุนกับธนาคารไทยพาณิชย์ตั้ง ‘บริษัท อัลฟา เอกซ์’ (Alpha X) ทำธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) ลีสซิ่ง (Leasing) และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ (Refinance) เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มพรีเมียม-ลักชัวรี ครอบคลุมรถยนต์, บิ๊กไบค์, เรือยอชต์ และริเวอร์โบ๊ต รวมถึงบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อใน 2 ปี ระหว่างปี 2565-2566 ที่ 1 หมื่นล้านบาท 

 

7. สรุปปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการทำธุรกิจ

 

  • ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้หลักจากยานยนต์เพียงไม่กี่ยี่ห้อ
  • ความเสี่ยงจากการบริหารจัดการสินค้าคงเหลือ สินค้าเพื่อการจัดแสดง ยานพาหนะรอการขายสำหรับสินทรัพย์ให้เช่า และสินทรัพย์ให้เช่าตามสัญญาเช่าดำเนินงาน
  • ความเสี่ยงจากการที่อายุสัญญาเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างระยะยาวไม่สอดคล้องกับอายุสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายยานยนต์
  • ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาตลาดรถยนต์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการประมาณการมูลค่าซาก รวมถึงการบริหารจัดการรถยนต์ที่หมดอายุสัญญาเช่า
  • ความเสี่ยงจากการที่กระแสเงินสดของบริษัทมาจากเงินปันผลที่จะได้รับจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่บริษัทเข้าไปลงทุนเป็นหลัก
  • ความเสี่ยงจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์

 

8. จับตาความเสี่ยงข้อกล่าวหา ป.ป.ช.

 

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 มีรายงานข่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาจำนวนหลายราย รวมถึงบริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด (MAG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท รวมถึงกรรมการของบริษัท MAG กรณีดำเนินงานโครงการรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ (Smart Patrol Car: SPC) จำนวน 260 คัน วงเงินงบประมาณ 900 ล้านบาท ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 และ พ.ศ. 2561 เพื่อเปิดโอกาสให้ชี้แจงข้อกล่าวหาตามขั้นตอนทางกฎหมาย 

 

โดยความคืบหน้าล่าสุด ณ วันที่ 12 เมษายน 2566 ยังคงเป็นเพียงขั้นตอนการเตรียมการแจ้งข้อกล่าวหาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดย MAG ยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวมถึงยังไม่ถูกฟ้องร้องเป็นคดีแต่อย่างใด

 

9. นโยบายการจ่ายเงินปันผล

 

MGC มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ตามงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมายและตามที่บริษัทกำหนดไว้

 

10. ผลประกอบการที่ผ่านมา

 

  • ปี 2563 มีกำไรสุทธิ 214.20 ล้านบาท มีรายได้รวม 20,275.30 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 0.9% 
  • ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 281.40 ล้านบาท มีรายได้รวม 21,350.30 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 1.4%
  • ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 603.50 ล้านบาท มีรายได้รวม 23,076.20 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 2.6%

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising