องค์การการค้าโลก (WTO) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของการค้าทั่วโลกในปีนี้ลงเหลือ 0.8% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.7% ตามภาคการผลิตโลกที่ชะลอตัวลง
รายงานที่เผยแพร่ออกมาล่าสุดของ WTO ระบุว่า การค้าทั่วโลกยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่องจากช่วงปลายปี 2022 โดยเป็นผลมาจากการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวของสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และในอีกหลายประเทศ แต่การปรับลดลงของราคาพลังงานและการเปิดประเทศของจีนในช่วงก่อนหน้านี้ก็ทำให้ตลาดมีมุมมองว่าการค้าโลกจะฟื้นตัวดีขึ้น
อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีความชัดเจนขึ้นว่าสถานการณ์ไม่ได้เป็นไปตามที่ WTO คาดการณ์ไว้ โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังถูกฉุดรั้งด้วยปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่เงินเฟ้อในสหรัฐฯ และยุโรปก็ยังอยู่ในระดับสูง เมื่อรวมกับผลกระทบจากการสู้รบในยูเครน และความเสียหายจากวิกฤตโควิดในช่วงก่อนหน้านี้ จึงทำให้ WTO ต้องปรับลดประมาณการการค้าโลกในปีนี้ลง
อึนกอซี โอคอนโจ-อิเวลลา ผู้อำนวยการ WTO กล่าวว่า ภาวะการค้าโลกที่ชะลอตัวลงนับเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะมันกำลังบ่งชี้ถึงคุณภาพชีวิตของคนทั่วโลกที่ย่ำแย่ลง และสถานการณ์อาจรุนแรงขึ้นจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศมหาอำนาจ ที่จะส่งผลให้ห่วงโซ่การผลิตในโลกแยกออกจากกัน และมีการกีดกันทางการค้าระหว่างกันมากขึ้น
ทั้งนี้ ข้อมูลของ WTO เริ่มบ่งชี้ให้เห็นถึงภาวะดังกล่าวบ้างแล้ว โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 สัดส่วนของการค้าขายสินค้าขั้นกลาง (Intermediate Goods) ในการค้าโลกได้ปรับตัวลดลงเหลือ 48.5% ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 51% ขณะที่การซื้อขายชิ้นส่วนและอุปกรณ์การผลิตระหว่างสหรัฐฯ และเอเชียในช่วงครึ่งปีแรกก็ปรับลดลงมาอยู่ที่ 38% จาก 43% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อ้างอิง: