×

World Cup Memo Day 25: เด็กน้อยและชายหนุ่มที่อยู่บนโปสเตอร์ในห้องนอนของเขา

14.12.2022
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • ลิโอเนล เมสซี หยิบเอาลูกบอลมาตั้งที่จุดโดยไม่ได้สนใจการประท้วงของนักเตะโครเอเชียที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน เขารู้ว่าถ้ายิงลูกนี้เข้าโอกาสที่ความฝันจะเป็นความจริงนั้นมีสูง แต่หากเป็นไปในทางตรงกันข้าม ความฝันชั่วชีวิตอาจจะหลุดลอยไปเลย
  • ฮูเลียน อัลวาเรซ มีสมญาคือ ‘เอล อารานิตา’ หรือ ‘ไอ้แมงมุม’ ซึ่งไม่ได้หมายถึงซูเปอร์ฮีโร่ที่ยิงใยปีนป่ายไปตามยอดตึกแต่อย่างใด แต่มาจากการเลี้ยงบอลที่เก่งกาจอย่างยิ่ง เหมือนมีขางอกออกมาจาก 2 เป็น 8 ขา ทำให้แย่งแทบไม่ได้
  • เมสซี ‘เต้นระบำ’ ผ่านเข้าไปถึงในกรอบเขตโทษได้สำเร็จ ก่อนจะไหลใส่พานมาให้อัลวาเรซที่เติมเข้ามาในเขตโทษสังหารประตูเข้าไป เป็นการตอกย้ำชัยชนะของอาร์เจนตินาที่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้โครเอเชียได้กลับเข้าสู่เกมอีก

แค่เสี้ยววินาทีที่แนวรับของโครเอเชียเผลอไผล เอนโซ เฟร์นานเดซ มองเห็นพื้นที่ว่างที่อยู่ด้านหลังก่อนตัดสินใจวางบอลยาวไปยังจุดนั้น ในขณะที่ เดยัน ลอฟเรน ยังตั้งหลักกลับมาไม่ทัน ฮูเลียน อัลวาเรซ ก็ฉีกหนีเขาไปถึงบอลแล้ว

 

ก่อนที่ไอ้หนุ่มกองหน้าหมายเลข 9 จะได้โอกาสเข้าไปดวลเดี่ยวกับ โดมินิก ลิวาโควิช นายทวารที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของฟุตบอลโลกครั้งนี้ ซึ่งแม้ลูกยิงของอัลวาเรซจะผ่านประตูจาก ดินาโม ซาเกร็บ ได้ แต่บอลนั้นเบาและถูกตามมาสกัดได้ทันก่อนที่จะข้ามเส้น

 

แต่นั่นไม่สำคัญเพราะสิ่งสำคัญคือการชี้มือไปที่จุดโทษของ ดานิเอเล ออร์ซาโต ผู้ตัดสินชาวอิตาลี ที่ยืนยันว่าลูกนี้เป็นการทำฟาวล์ของลิวาโควิช ซึ่งโดนใบเหลืองไปด้วย

 

และนี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในเกมรอบรองชนะเลิศคู่แรกของศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่สนามลูเซลเมื่อคืนที่ผ่านมา

 

ลิโอเนล เมสซี – ผู้ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงกับจังหวะนี้ แต่มีส่วนในการดึงสมาธิของแผงหลังโดยเฉพาะ ยอสโก กวาร์ดิโอล ที่พยายามเดินตามประชิดหัวใจของชาวอาร์เจนตินาที่ขยับถอยตัวเองไปใกล้วงกลมกลางสนาม จนกลายเป็นการเปิดพื้นที่ด้านหลังให้ถูกจู่โจม – หยิบเอาลูกบอลมาตั้งที่จุดโดยไม่ได้สนใจการประท้วงของนักเตะโครเอเชียที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน

 

เขารู้ว่าถ้ายิงลูกนี้เข้าโอกาสที่ความฝันจะเป็นความจริงนั้นมีสูง แต่หากเป็นไปในทางตรงกันข้าม ความฝันชั่วชีวิตอาจจะหลุดลอยไปเลย เพราะในรูปเกมแล้วอาร์เจนตินาดูเป็นรองโครเอเชียอยู่เล็กน้อยด้วยซ้ำ ลูกา โมดริช เหมือนเล่นเป็นตัวเองในวัย 27 ปีมากกว่าที่จะดูเป็นนักเตะอายุ 37 ปี

 

น้ำหนักของความกดดันนั้นมากในระดับที่นักฟุตบอลอันดับหนึ่งของโลกในยุคนี้ถึงกับต้องเป่าปากเพื่อระบายความรู้สึกอึดอัดออกมา ก่อนที่จะสังหารจุดโทษแบบเด็ดขาด เสียบหน้าต่างเข้าไปโดยที่ลิวาโควิชซึ่งเคยเป็นฮีโร่ของทีมในการดวลจุดโทษ 2 รอบก่อนหน้านี้หมดสิทธิ์ที่จะรับ

 

เมสซีสังหารจุดโทษเข้าไปอย่างเยือกเย็น

 

ประตูนี้เป็นประตูที่ 11 ให้กับอาร์เจนตินาในฟุตบอลโลกของเมสซี โดยหลังจากที่แซงหน้า ดิเอโก มาราโดนา ได้แล้วก็แซงหน้า ‘บาติโกล’ กาเบรียล บาติสตูตา ได้ด้วย

 

ลองจินตนาการว่าหากเราเป็นอัลวาเรซ เด็กน้อยที่มีโปสเตอร์ของเมสซีแปะอยู่ในห้องนอน และเมื่อ 10 ปีก่อนเคยมีโอกาสได้ถ่ายรูปคู่กับฮีโร่ในดวงใจ มีความฝันที่อยากจะได้ไปฟุตบอลโลกสักครั้ง

 

การมีส่วนช่วยให้ฮีโร่ในดวงใจของเขาเข้าใกล้ความฝันชั่วชีวิตไปอีกขั้นมันจะทำให้หัวใจพองโตแค่ไหน?

 

อัลวาเรซนั้นไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยชายอาร์เจนไตน์มากมายที่รักในการเล่นฟุตบอล ในบ้านเกิดของเขาที่เมืองคาลชิน (Calchin) ทุกคนจะรู้จัก ‘เอนานิโต’ (ไอ้ตัวเล็ก) ที่ถือเป็นทั้งตัวแสบและขวัญใจของคนในเมือง เพราะเล่นฟุตบอลได้เก่งกาจเกินวัยมาแต่ไหนแต่ไร

 

ว่ากันว่าเอนานิโตคนนี้เริ่มวิ่งไล่เตะลูกฟุตบอลมาตั้งแต่อายุ 2 ขวบแล้ว โดยที่อีกสมญาที่เท่กว่าคือ ‘เอล อารานิตา’ หรือ ‘ไอ้แมงมุม’ ซึ่งไม่ได้หมายถึงซูเปอร์ฮีโร่ที่ยิงใยปีนป่ายไปตามยอดตึกแต่อย่างใด สมญานี้ตั้งโดยพี่ชายของอัลวาเรซ มาจากการได้เห็นว่าไอ้ตัวเล็กคนนี้เลี้ยงบอลเก่งกาจอย่างยิ่ง เวลาเลี้ยงบอลเหมือนมีขางอกออกมาจาก 2 เป็น 8 ขา ทำให้แย่งแทบไม่ได้

 

เรื่องนี้แฟนฟุตบอลทั่วโลกก็ได้เห็นกับตาเหมือนกัน กับโมเมนต์อัจฉริยะของเด็กหนุ่มวัย 22 ปีที่ยังมีสิวขึ้นบนหน้าคนนี้

 

อัลวาเรซ ซึ่งเพิ่งจะมีโอกาสย้ายจากบ้านเกิดเข้ามาอยู่ทีมใหญ่อย่างริเวอร์เพลทในเมืองหลวงซึ่งอยู่ห่างจากคาลชิน 400 กิโลเมตร เมื่อตอนอายุ 15 ปี ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างช้ามากสำหรับเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ได้บอลจ่ายมาให้จากเมสซีในจังหวะสวนกลับ

 

เด็กหนุ่มที่ได้รับการดูแลประคบประหงมโดย มาร์เซโล กัลยาร์โด อดีตหนึ่งในเทพนักเตะของอาร์เจนตินายุคเดียวกับ ฮวน โรมัน ริเกลเม และ ปาโบล ไอมาร์ รับบอลได้ก่อนควบพาขึ้นหน้ามาด้วยความเร็วสูง จี้ใส่แนวรับโครแอตที่พยายามถอยร่นลงไปโดยมีเพื่อนที่พยายามวิ่งตามมาสนับสนุนทั้งซ้ายและขวา


แต่แทนที่จะจ่าย อัลวาเรซโชว์สเต็ปไอ้แมงมุมให้เห็นด้วยการลากจี้ลุยแหวกฝ่าเข้าไปตรงๆ ซึ่งแม้กองหลังโครเอเชียจะพยายามสกัดแล้วแต่บอลก็ยังติดใยที่มองไม่เห็นของเอล อารานิตา ถึง 2 จังหวะ สุดท้ายลูกก็กระดอนมาอยู่ตรงหน้าเขา อัลวาเรซกระโดดดีดบอลผ่านลิวาโควิชเข้าไป

 

‘เอล อารานิตา’ ลากเลื้อยฝ่าเข้าไปยิงประตูที่ 2 ให้ทีม

 

ประตูหนีห่าง 2-0 ลูกนี้ทำให้โอกาสที่อาร์เจนตินาจะเข้ารอบชิงชนะเลิศสดใสเหมือนสีฟ้าและขาวของพวกเขา


โครเอเชียไม่มีทางเลือกนอกจากการปรับกลยุทธ์การเล่นที่ต้องหันมาโหมบุกอย่างเต็มตัว และหวังว่า “ไอ้แดงมันเลือดนักสู้” ทีมนี้จะมีจังหวะที่สามารถกลับมาสู่เกมได้

 

เพียงแต่ ‘ลา สกาโลนิตา’ หรือชื่อเล่นทีมชาติอาร์เจนตินาในยุคของ ลิโอเนล สกาโลนี กองหลังผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่เป็นประจักษ์พยานการพบกันครั้งแรกของเมสซีและโมดริชเมื่อ 16 ปีก่อนด้วยนั้น แสดงฝีมือของเขาให้เห็นด้วยการปรับแผนการเล่นตาม

 

ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการถอด โรดริโก เด ปอล และ คริสเตียน โรเมโร ออกในเกมกับเนเธอร์แลนด์จนเกือบพังเพราะโดนปูพรมถล่มกลางอากาศ ถูกนำมาถอดบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบเดียวกันอีก

 

อาร์เจนตินาต้านและปิดตายเกมของโครเอเชียได้สำเร็จ และน่าเศร้าสำหรับทีมตราหมากรุกเพราะถึงจะมีแดนกลางระดับโลกและเกมรับที่จัดว่าเหนียวแน่น เกมรุกของพวกเขาในยุคนี้ไม่มีผู้เล่นที่พอจะเป็นความหวังอย่างจริงจังได้เหมือนในวันวาน

 

อย่าว่าแต่นักเตะในระดับ ดาวอร์ ซูเคอร์ เลย ขนาด มาริโอ มานด์ซูคิช ซึ่งผันตัวมาเป็นโค้ช (และโดนใบแดงไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 36) อาจจะอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปเล่นให้ดูว่าจะชนกับกองหลังอาร์เจนตินาต้องเล่นแบบไหน


เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาสำหรับทีมเบียงคิเชเลสเต

 

โดยที่เมสซี ซึ่งทำท่าเหมือนจะเจ็บกล้ามเนื้อด้านหลังโคนขา ได้แสดงศิลปะลูกหนังชั้นสูงสุดให้ทุกคนได้เห็นในประตูปิดท้าย

 

นักเตะวัย 35 ปีซึ่งได้บอลอยู่ที่ริมเส้นฝั่งขวา โยกหลอกก่อนลากบอลหนีกวาร์ดิโอล หนึ่งในกองหลังที่น่าประทับใจที่สุดของฟุตบอลโลกหนนี้ ไปจนถึงริมกรอบเขตโทษซึ่งดาวเตะวัย 20 ปีวิ่งกวดตามกลับมาได้ทันแล้ว และไม่น่าจะเป็นอะไร

 

เมสซีร่ายมนต์ให้ทุกคนได้เห็นอีกครั้ง

 

แต่แล้วเมสซีก็ ‘เต้นระบำ’ ผ่านเขาเข้าไปถึงในกรอบเขตโทษได้สำเร็จ ก่อนจะไหลใส่พานมาให้อัลวาเรซที่เติมเข้ามาในเขตโทษสังหารประตูเข้าไป เป็นการตอกย้ำชัยชนะของอาร์เจนตินาที่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้โครเอเชียได้กลับเข้าสู่เกมอีก

 

ก่อนหมดเวลา 10 นาที ซลัตโก ดาลิช จึงถอด ลูกา โมดริช ออกมาเพื่อเป็นการให้ทุกคนในสนามได้ยืนปรบมือ อันเป็นการแสดงการเคารพขั้นสูงสุดต่อตำนานลูกหนังผู้ยิ่งใหญ่และน่านับถือที่สุดคนหนึ่งของยุคสมัย แม้แต่แฟนบอลอาร์เจนตินาเองก็ยังร่วมบอกรักและบอกลาผู้วิเศษจากซาดาร์คนนี้ด้วยเช่นกัน

 

แม้จะเหลือเกมนัดชิงที่ 3 อีกนัด แต่สำหรับ ลูกา โมดริช และโครเอเชีย ความฝันได้จบลงแล้ว

 

การดวลกันครั้งนี้จบลงด้วยชัยชนะของอาร์เจนตินาที่ได้มาจากเมสซี กับเด็กน้อยผู้ติดโปสเตอร์ของเขาเอาไว้ที่ห้องนอนที่กลายมาเป็นคู่หูกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

และบัดนี้เหลืออีกแค่ก้าวเดียว

 

ก้าวเดียวเท่านั้น


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising