×

ราคาน้ำมันโลกพุ่งอีก หลัง NATO เล็งส่งทหารประชิดพรมแดนหนุนยูเครน

24.03.2022
  • LOADING...
ราคาน้ำมันโลกพุ่งอีก หลัง NATO เล็งส่งทหารประชิดพรมแดนหนุนยูเครน

ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งทะยานอีกครั้ง หลัง NATO เล็งส่งกองกำลังประชิดพรมแดนยูเครนเพิ่ม ครอบคลุมน้ำ-บก-อากาศ เพื่อสนับสนุนยูเครนมากขึ้น

 

เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (23 มีนาคม) ว่า ทางกลุ่มเตรียมพิจารณาจัดส่งกองกำลังทหารเข้าไปประจำการในพื้นที่แถบยุโรปตะวันออกเพิ่มเติมครอบคลุมทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ใน 4 ประเทศ คือ บัลกาเรีย, ฮังการี, โรมาเนีย และสโลวาเกีย

 

เลขาธิการ NATO คาดหวังให้บรรดาผู้นำของชาติสมาชิก NATO เห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะให้เสริมกำลังและความแข็งแกร่งของกองทัพ NATO โดยความเห็นของ เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก มีขึ้นเพียงไม่นานก่อนที่บรรดาผู้นำชาติสมาชิก NATO จะเข้าร่วมการประชุมฉุกเฉิน เพื่อหาแนวทางจัดการกรณีรัสเซียบุกยูเครน

 

สำหรับเป้าหมายของการส่งทหารไปยังยุโรปตะวันออกเพิ่มครั้งนี้มีขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากรัสเซีย และเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนรัฐบาลยูเครนในการต่อสู้กับกองทัพรัสเซียที่รวมถึงการใช้อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ และอาวุธนิวเคลียร์

 

ทั้งนี้ นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา NATO ได้สั่งเตรียมความพร้อมกองทัพจำนวน 140,000 นาย ในการเตรียมเข้าประจำการในพื้นที่แถบยุโรปตะวันออก ซึ่งจำนวนทหารทั้งหมดนี้เป็นทหารของสหรัฐฯ มากถึง 100,000 นาย

 

รายงานระบุว่า ขณะนี้ NATO มีทหารประจำการอยู่ในภูมิยุโรปตะวันออกราว 40,000 นาย ซึ่งเข้าประจำการตั้งแต่ทะเลบอลติกไปจนถึงทะเลดำ

 

ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ยังร่วมกับสโตลเตนเบิร์ก กล่าวเตือนรัสเซียไม่ให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครนด้วย และขอให้รัสเซียยุติการพูดเรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์อันตรายอย่างไร้ความรับผิดชอบ เพราะอาจทำให้เกิดผลร้ายแรงตามมาได้

 

ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ยังคงส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีรายงานระบุว่า ทางรัสเซียจำเป็นต้องระงับการให้บริการท่อขนส่งก๊าซนานร่วมเดือน

 

รายงานระบุว่า ท่อขนส่งดังกล่าวคือท่อลำเลียง Caspian Pipeline Consortium (CPC) ซึ่งอยู่แนวชายฝั่งทะเลดำของรัสเซีย หยุดลงโดยสิ้นเชิงในวันพุธ (23 มีนาคม) หลังได้รับความเสียหายจากพายุลูกหนึ่งและสภาพอากาศที่ยังคงเลวร้าย

 

ปัจจัยข้างต้นส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 5% แตะราคาที่ 121 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 5.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 114.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 6.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 121.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ด้าน อเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย กล่าวว่า อุปทานน้ำมันจาก CPC อาจหยุดลงโดยสิ้นเชิงเป็นเวลาสูงสุด 2 เดือน โดยท่อลำเลียง CPC ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางอุปทานที่สำคัญแห่งหนึ่งสำหรับตลาดโลก ลำเลียงน้ำมันดิบเกรดหลักของคาซัคสถานราว 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือมีสัดส่วนคิดเป็น 1.2% ของอุปสงค์โลก

 

ขณะเดียวกัน พาเวล โซโรสกิน รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอินเดีย ประเมินว่า การซ่อมท่อที่ได้รับผลกระทบอาจกินเวลาตั้งแต่ 6 สัปดาห์ ไปจนถึง 2 เดือน

 

ขณะเดียวกัน ลุดมีลา โวโรบิเอวา เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำอินโดนีเซีย ได้ออกมาเปิดเผยว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย จะร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ G20 ซึ่งอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพในปีนี้ หลังจากที่ชาติสมาชิกบางรายเรียกร้องให้แบนรัสเซียออกจากกลุ่ม

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising