วันนี้ (15 สิงหาคม) วิษณุ เครืองาม อดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี เศรษฐา ทวีสิน ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถือว่าผิดคาดหรือไม่ โดยถามกลับว่า แล้วสื่อผิดคาดหรือไม่ เพราะคาดการณ์เหมือนๆ กันทั้งประเทศ โดยในส่วนของตนพิจารณาเอกสารแค่เพียงเล็กน้อย เพราะมีทีมนายกรัฐมนตรีที่ทำอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ตอนที่ดูได้เห็นจุดอ่อนของคำชี้แจงหรือไม่ อย่างเช่นเป็นนักธุรกิจไม่รู้กฎหมาย วิษณุกล่าวว่า จริงๆ ไม่เรียกว่าจุดอ่อน เพราะเวลาแก้คดีต้องแก้ทุกประเด็น ประเด็นไหนที่ฟังไม่ขึ้นศาลก็จะยก อย่างคดีธรรมดาเวลาขึ้นศาล จำเลยต้องเถียงก่อนเสมอ ตรงนี้อาจเป็นประเด็นที่ยกมาได้ แต่ในคำให้การของนายกรัฐมนตรีไม่มีส่วนนี้ ฉะนั้นเมื่อถึงเวลาจะยกอะไรขึ้นมาก็ได้ ซึ่งตนได้ท้วงติงบางจุดไป แต่คงยกตัวอย่างให้ไม่ได้
เมื่อถามว่า ไม่ได้เสียความมั่นใจใช่หรือไม่ ที่คนคาดหวังว่าเข้ามาทำหน้าที่ที่ปรึกษาแล้วเศรษฐาจะรอดพ้นจากคดี วิษณุกล่าวว่า “ก็ขอให้เป็นเรื่องระหว่างตนกับภายในแล้วกัน ขออย่าไปคาดคิดกันเอง หรือคิดว่าทำไมตนไม่มีความสามารถ ตนก็อาจจะพลาดได้ ก็ดูกันหลายหูหลายตาอย่างนี้ดีกว่า อย่างน้อยก็มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 4 เสียงที่เห็นด้วย มีต่างกันแค่คนเดียว”
ส่วนต่อไปการแต่งตั้งรัฐมนตรีจะถือว่าศาลวางหลักการไว้ให้แล้วใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า จากนี้ต้องตรวจสอบแม้กระทั่งความซื่อสัตย์สุจริต ถือเป็นบรรทัดฐาน ซึ่งอาจไม่ใช่บรรทัดฐานใหม่ เพราะเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่วิธีตรวจสอบต่อไปนี้ก็อาจต้องเข้มงวดขึ้น อาจต้องเงี่ยหูสดับตรับฟังว่ามีข่าวลืออะไรหรือไม่ และศาลพูดเพียงว่าผู้ถูกร้องจะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะวิญญูชนทั่วไปเขายังรู้ แต่ไม่ใช่วิญญูชนรู้แล้วมันจะต้องผิด
วิษณุยังกล่าวอีกว่า เมื่อเศรษฐาไป ตนก็ต้องไปด้วยอัตโนมัติ ซึ่งไม่ได้มีความหมายอะไร เพราะเดิมก็ไม่ได้เงินเดือน ไม่มีค่าตอบแทนอะไร เลขาธิการนายกรัฐมนตรีก็พ้นด้วย รวมถึงตำแหน่งอื่นๆ ที่เศรษฐาตั้งต้องพ้นไปทั้งหมด
วันนี้ตนมาในฐานะเป็นผู้ชี้แจง ไม่มีตำแหน่งใดๆ ผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีขอให้มาชี้แจงวิธีปฏิบัติของรัฐมนตรีในระหว่างนี้ เพราะไม่เหมือนกับตอนยุบสภา
ทั้งนี้ ครม. สามารถทำได้หมดทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าอ้างอิงกันในทางทฤษฎีจะยุบสภาก็สามารถทำได้ แต่ในทางปฏิบัติเชื่อว่าจะไม่มีการยุบ ส่วนจะโยกย้ายหรืออนุมัติงบประมาณถือว่าทำได้ทั้งหมด
เมื่อถามว่า หากมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาจะกลับมาช่วยงานอีกหรือไม่ วิษณุกล่าวว่า “เขายังไม่ขอ อย่าพูดอะไรเลย ตนก็ปิดมาตั้งแต่ต้น แต่เจอเศรษฐาไปพบที่บ้าน ไปขอร้อง ซึ่งมันคงไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นอีก และตนไม่รู้ว่ารัฐบาลไม่มีมือกฎหมาย เขาอาจจะตั้งมือกฎหมายเข้ามาก็ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีรัฐบาลเลย”
วิษณุกล่าวยืนยันด้วยว่า กรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลไปคุยกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ถือเป็นการไปพบปะ เช็กเสียงกัน จะเรียกว่าครอบงำไม่ได้ เพราะต้องปรึกษาหารือกัน อาจไปเจอกันที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเขาก็ทำกันเอิกเกริกเปิดเผย ไม่ได้ปกปิดลึกลับอะไร และการไปพบปะกันที่บ้านจันทร์ส่องหล้าก็ไม่ได้แปลกประหลาด พร้อมย้ำว่าไม่มีใครครอบงำกันได้ ใครจะครอบงำ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยได้ ใครจะครอบงำ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้