WHO เรียกร้องให้ระงับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไปจนถึงสิ้นปี หลังชาติมั่งคั่งบริจาควัคซีนได้เพียง 15% จากที่ให้คำมั่นไว้

วานนี้ (8 กันยายน) ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้ประชาคมโลก โดยเฉพาะประเทศที่ร่ำรวยมั่งคั่งระงับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) ออกไปจนถึงสิ้นปีนี้ หลังจากที่บริจาควัคซีนได้เพียง 15% จากที่เคยให้คำมั่นไว้ และมีพลเมืองโลกในประเทศที่รายได้น้อยยังไม่ได้รับวัคซีนโควิดเข็มแรกอีกเป็นจำนวนมาก

“ผมจะไม่ยอมนิ่งเงียบ เมื่อบรรดาผู้ผลิตวัคซีนและประเทศที่ควบคุมปริมาณวัคซีนในประชาคมโลกคิดว่า บรรดาประเทศที่มีรายได้น้อยจะรู้สึกพึงพอใจกับวัคซีนที่เหลือใช้ หลังบรรดาผู้ผลิตวัคซีนต่างให้ความสำคัญกับดีลการสั่งซื้อวัคซีนกับบรรดาประเทศมั่งคั่งที่พร้อมจะจ่ายค่าตอบแทนให้อย่างงาม ในขณะที่บรรดาประเทศที่รายได้น้อยกลับถูกพรากเครื่องมือที่จะใช้ปกป้องพวกเขาจากเชื้อไวรัส”

ก่อนหน้านี้ แม้ WHO จะพยายามเรียกร้องให้มีการระงับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นออกไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้ แต่บรรดาประเทศที่มั่งคั่ง เช่น สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก ฝรั่งเศส กรีซ สเปน รวมถึงอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มต้นหรือกำลังแพลนที่จะฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับพลเมืองของตนแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาด้านภูมิต้านทาน

“วันนี้ ผมกำลังเรียกร้องให้มีการขยายช่วงระยะเวลาระงับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นออกไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อให้ทุกๆ ประเทศสามารถฉีดวัคซีนให้ได้อย่างน้อย 40% ของจำนวนประชากรทั้งหมด

“เราไม่ต้องการคำมั่นสัญญาอะไรอีกแล้ว เราต้องการแค่วัคซีน”

ขณะนี้ทั่วโลกฉีดวัคซีนโควิดไปแล้วกว่า 5.5 พันล้านโดส โดย 80% ของจำนวนวัคซีนที่ฉีดไปล้วนแล้วแต่อยู่ในประเทศที่มีรายได้สูงถึงรายได้ปานกลาง บรรดาประเทศที่ร่ำรวยมั่งคั่งให้คำมั่นจะช่วยกันบริจาควัคซีน 1 พันล้านโดสให้กับประเทศอื่นๆ แต่ขณะนี้มีเพียงไม่ถึง 15% ที่เกิดขึ้นจริง

ทางด้าน เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐฯ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ บริจาคและส่งมอบวัคซีนโควิดไปแล้วราว 140 ล้านโดส เพื่อช่วยเหลือกว่า 90 ประเทศทั่วโลก มากกว่าประเทศอื่นๆ ที่บริจาครวมกัน

“ตั้งแต่เซเนกัล แอฟริกาใต้ ไปจนถึงอินเดีย รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนการลงทุนเพื่อขยายการผลิตวัคซีนโควิดในประชาคมโลก แต่ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีและรัฐบาลสหรัฐฯ เอง ก็มีความรับผิดชอบที่จะต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องประชาชนในสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกัน” นั่นจึงเป็นเหตุผลที่สหรัฐฯ เดินหน้าบริจาควัคซีนช่วยเหลือประชาคมโลก ควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับพลเมืองของตน

บทความที่เกี่ยวข้อง: