บรรดาผู้นำกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจรัฐแอฟริกาตะวันตก (ECOWAS) ร่วมประชุมวาระเร่งด่วน กรณีเกิดรัฐประหารครั้งล่าสุดในประเทศสมาชิกอย่างไนเจอร์ ณ กรุงอาบูจา เมืองหลวงของไนจีเรีย เมื่อวานนี้ (30 กรกฎาคม) โดยที่ประชุมมีมติเสนอทางเลือกให้คณะรัฐประหารไนเจอร์คืนอำนาจนำทางการเมืองให้กับประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด บาซูม ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในขณะนี้ภายในเวลา 7 วัน ไม่เช่นนั้นอาจต้องเผชิญหน้ากับการแทรกแซงทางทหารจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ บรรดาผู้นำประเทศในกลุ่ม ECOWAS ยังออกแถลงการณ์ร่วมกันชี้ว่า การก่อรัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ ประเทศสมาชิกจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยตามรัฐธรรมนูญ โดยมาตรการดังกล่าวอาจรวมถึงการใช้กำลังและเรียกประชุมผู้แทนทางด้านการทหารของเหล่าบรรดาประเทศสมาชิก เพื่อวางแผนแทรกแซงด้านการทหารหากจำเป็น
ด้าน ดร.ลีโอนาโด ซันโตส ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติประจำภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกและซาเฮล ระบุว่า ไนเจอร์เป็นตัวแสดงที่สำคัญในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย ถ้าไนเจอร์ยุติการแสดงบทบาทดังกล่าว อาจยิ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่ให้กับกลุ่มก่อการร้ายได้ขยายอิทธิพลในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเผยว่า เบื้องต้นยังไม่มีการเจรจาระหว่างบรรดาผู้นำกลุ่มประเทศ ECOWAS และคณะรัฐประหารไนเจอร์แต่อย่างใด
มติที่ประชุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ ECOWAS ประกาศขู่ที่จะใช้มาตรการแทรกแซงทางด้านการทหาร เพื่อต้านการรัฐประหารภายในกลุ่มประเทศสมาชิกและภายในภูมิภาคในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยการแทรกแซงทางการทหารครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2017 เมื่อกองกำลังเซเนกัลถูกส่งไปยังแซมเบีย เพื่อบีบบังคับให้ ยะห์ยา จัมเมห์ ประธานาธิบดีแกมเบียที่ปกครองประเทศมายาวนานกว่า 20 ปี ก้าวลงจากตำแหน่งผู้นำประเทศ หลังจากที่เขาปฏิเสธความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งสำคัญในช่วงเวลานั้น
โดย มาฮาเหม็ด เดบี อิตโน ประธานาธิบดีชาดในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง เป็นผู้นำคนแรกที่เดินทางเยือนไนเจอร์ ภายหลังจากที่กลุ่มทหารไนเจอร์ตัดสินใจก่อรัฐประหาร เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้นำชาดได้เข้าพบกับนายพลอับดูราฮามาเน ชีอานี ประธานสภาแห่งชาติว่าด้วยการปกป้องมาตุภูมิ (CLSP) ที่ประกาศตนขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไนเจอร์คนใหม่ในทางพฤตินัยหรือไม่
ขณะที่ชีอานีประกาศเตือนบรรดาประเทศสมาชิก ECOWAS และชาติตะวันตก ไม่ให้เข้าแทรกแซงกิจการภายในประเทศของไนเจอร์ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า กองกำลังด้านความมั่นคงของไนเจอร์ตั้งใจแน่วแน่ที่จะปกป้องแผ่นดินมาตุภูมิของพวกเขาอย่างเต็มกำลัง
ก่อนหน้านี้มาลีและบูร์กินาฟาโซเองก็เคยเกิดรัฐประหารขึ้น และภายหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลในช่วงเปลี่ยนผ่าน ผู้นำคนใหม่ของเขาต่างเบนเข้าหามหาอำนาจอย่างรัสเซียเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการก่อรัฐประหารในไนเจอร์ครั้งนี้ก็ทำให้หลายฝ่ายกังวลใจไม่น้อยว่า ไนเจอร์จะมีช่องว่างกับอดีตเจ้าอาณานิคมเก่าอย่างฝรั่งเศสและเบนเข้าหารัสเซียมากยิ่งขึ้น
โดยชาวไนเจอร์จำนวนไม่น้อยที่ยังคงสนับสนุนบาซูมและเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย ได้รวมตัวชุมนุมประท้วงอย่างต่อเนื่องในกรุงนีอาเมของไนเจอร์ ตั้งแต่มีการประกาศยึดอำนาจ พวกเขาต่างเรียกร้องให้คณะรัฐประหารไนเจอร์ปล่อยตัวบาซูมและคืนอำนาจให้กับประชาชนชาวไนเจอร์โดยเร็ว
ภาพ: Kola Sulaimon / AFP
อ้างอิง: