×

กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง เหมาะกับใคร? ดร.นิเวศน์ ชี้ น่าลงทุนกว่าหุ้นกู้และพันธบัตร

10.09.2024
  • LOADING...

กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง กำลังจะเปิดระดมทุนรอบใหม่ ควรจะลงทุนหรือไม่? 

 

เชื่อว่าเป็นคำถามที่หลายคนกำลังพิจารณาอยู่ หลังจากติดตามรายละเอียดมาสักระยะ

 

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่หลายคนจะนำมาประกอบการพิจารณาคือ ผลตอบแทนและความเสี่ยงของการลงทุนในครั้งนี้ โดยเฉพาะหากเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นๆ 

 

กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง (ประเภท ก.) ให้ผลตอบแทน 3-9% ต่อปี โดยมีกลไกคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทน อย่างไรก็ตาม กองทุนไม่มีผู้รับประกันหรือค้ำประกันเงินลงทุน หากมูลค่าทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าไปลงทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ลดลงอย่างรุนแรง จนทำให้กลไกคุ้มครองเงินลงทุนไม่เพียงพอ อาจทำให้ผู้ลงทุนได้รับเงินปันผลต่ำกว่า 3% ต่อปี หรือไม่ได้รับเลย เช่นเดียวกับเงินลงทุนที่อาจได้รับคืนไม่ครบหรือไม่ได้รับคืนทั้งหมด

 

เทียบความเสี่ยงและผลตอบแทน

 

 

 

ในมุมของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนเน้นคุณค่า กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่ได้จะลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ เพราะลงทุนด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่หากมองในมุมของคนทั่วไป กองทุนวายุภักษ์ถือว่าน่าสนใจในระดับหนึ่ง 

 

“เวลานี้การจะหาผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอนในระดับ 3-9% หาได้ยากมาก โดยเฉพาะถ้าไม่ได้ติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด” ดร.นิเวศน์ กล่าว 

 

ดร.นิเวศน์ มองว่า หากเทียบกับหุ้นกู้หรือพันธบัตรรัฐบาล เชื่อว่ากองทุนวายุภักษ์น่าสนใจมากกว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลตอบแทนขั้นต่ำที่ได้ 3% และมีโอกาสที่จะได้มากกว่านั้น ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลเต็มที่จะได้ประมาณ 3% ขณะที่หุ้นกู้เอกชนบางส่วนอาจให้ผลตอบแทน 5-7% แต่หลายกรณีก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความเสี่ยงมากพอสมควร 

 

“กองทุนวายุภักษ์ถูกออกแบบมาให้แข่งกับหุ้นกู้ สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงมาก น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าหุ้นกู้” ดร.นิเวศน์ กล่าว 

 

เชื่อว่ากองทุนวายุภักษ์น่าจะตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มใหญ่ในประเทศได้พอสมควร โดยเฉพาะคนที่มองหาผลตอบแทนมั่นคงและไม่มีความเสี่ยง ขณะเดียวกันยังมีปริมาณการเสนอขายมากพอที่จะรองรับความต้องการได้ 

 

ดร.นิเวศน์ กล่าวต่อว่า ในระยะสั้นกองทุนวายุภักษ์น่าจะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยดีขึ้น เพราะเป็นการดึงเงินจากคนที่อาจไม่ได้ลงทุนในหุ้นอยู่ก่อนเข้ามาเพิ่มในตลาด แต่เมื่อเงินลงทุนใหม่เข้ามาครบแล้ว หลังจากนั้นต้องดูว่าความสามารถในการทำกำไรของหุ้นไทยจะดีขึ้นมากน้อยเพียงใด หากเศรษฐกิจไทยเติบโตดีขึ้นจาก 2% มาเป็น 3-4% ก็น่าจะเห็นการเติบโตของหุ้นต่อไปได้ 

 

ด้าน ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าการลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ไม่เหมือนการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนหุ้น แต่มีลักษณะเหมือนพันธบัตรและหุ้นกู้เอกชนมากกว่า 

 

“สำหรับใครที่อยากลงทุนพันธบัตรรัฐบาล อายุ 10 ปี ผลตอบแทนอยู่ที่ 2.6% ถ้าเป็นแบบนี้กองทุนวายุภักษ์ถือว่าน่าสนใจ เพราะมีโอกาสจะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่า 3%” ดร.พิพัฒน์ กล่าว

 

ปัจจัยสำคัญคือ ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละคน และผลตอบแทนที่คาดหวัง หากเป็นคนที่อยากได้ผลตอบแทนที่แน่นอนก็น่าจะเหมาะ แต่หากเป็นคนที่คาดหวังผลตอบแทนสูงขึ้นไปกว่านั้นก็อาจไม่เหมาะที่จะลงทุนในกองทุนวายุภักษ์​

 

ในแง่ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย ดร.พิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ดูเหมือนกองทุนวายุภักษ์จะถูกนักลงทุนในตลาดซื้อดักล่วงหน้าไปแล้ว (Front-Running) ทำให้ผู้บริหารกองทุนวายุภักษ์คงต้องทยอยลงทุน เพราะหากลงทุนเข้าไปทั้งก้อนอาจทำให้ต้นทุนสูงกว่าที่ควรจะเป็น 

 

“และด้วยขนาดของเม็ดเงินลงทุนก้อนใหม่ที่ค่อนข้างใหญ่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1% ของมูลค่าตลาด กองทุนคงจะบริหารจัดการไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคามากเกินไป แต่ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในระยะยาวจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำกำไรของหุ้นในตลาดหลังจากนี้”​ ดร.พิพัฒน์ กล่าว

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising