กรณีที่ ‘หมอบุญ วนาสิน’ ถูกร้องทุกข์จากผู้เสียหายจำนวนมากกับหลายหน่วยงานของตำรวจ โดยพบการกระทำผิดฐานฉ้อโกง หลอกลวงประชาชนให้เสียหาย เบื้องต้นมูลค่าอาจเกิน 10,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์เพิ่มขึ้นอีก โดยตำรวจเตรียมมัดรวมคดีเพื่อเสนอ DSI ให้เป็นคดีพิเศษ ด้าน ตลท.-ก.ล.ต. เร่งตรวจสอบธุรกรรมจำนำหุ้น THG และความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์
พล.ต.ต. พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ว่า ความคืบหน้าของคดีหมอบุญ วนาสิน กับพวก เบื้องต้นพบการกระทำความผิดหลายข้อหา ทั้งร่วมกันหลอกประชาชนลงทุนที่มีการร้องทุกข์อยู่ภายใต้การดูแลของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มูลค่าเสียหายประมาณ 7,500 ล้านบาท ล่าสุดมีการร้องทุกข์กับกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพิ่มด้วย
สำหรับคดีที่อยู่ภายใต้ บก.ปอศ. มีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ในความผิดคดีกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน รวมทั้งเข้าข่ายฐานกระทำความผิดแชร์ลูกโซ่รวม 12 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 2,000 ล้านบาท
โดยช่วงต้นปี 2565 หมอบุญ วนาสิน ได้ทำสัญญากู้ยืมเพื่อให้ตัวแทนนำไปติดต่อกับผู้เสียหาย ซึ่งมีจำนวนหลายราย ผู้เสียหายหลงเชื่อตามคำชี้ชวนเนื่องจากเห็นว่าการลงทุนดังกล่าวจะได้ดอกเบี้ยจากหมอบุญ วนาสิน อัตรา 8.5% และจะได้หุ้น THG เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินที่ปล่อยกู้ด้วย และโครงการต่างๆ ที่จะนำเงินไปลงทุนเพื่อให้ได้ผลกำไรมาจ่ายผลตอบแทน เช่น โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง, โครงการคอนโดที่พระราม 3 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา, โรงงานถุงมือยาง, อาคารสหไทย, โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง การลงทุนดังกล่าวมีหุ้น THG ค้ำประกันเงินกู้ยืม ภายหลังจากเข้าร่วมลงทุนมาทราบว่าหมอบุญ วนาสิน ปกปิดข้อเท็จจริง มีลักษณะเป็นการฉ้อโกง ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์
โดยเบื้องต้นคาดว่าคดีที่เกี่ยวข้องกับหมอบุญ วนาสิน กับพวก ที่มีการกระทำความผิดจะมีความเสียหายมูลค่ารวมไม่น้อยกว่า หรืออาจสูงกว่า 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ในทุกคดีที่เกี่ยวข้อง บก.ปอศ. จะเป็นเจ้าภาพหลักในการรวบรวมสำนวนทุกคดีส่งต่อสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดำเนินการต่อไป เนื่องจากเป็นคดีที่เข้าหลักเกณฑ์เป็นคดีพิเศษ เพราะมีจำนวนผู้เสียหายตั้งแต่ 300 คนขึ้นไป หรือมีจำนวนเงินที่กู้ยืมรวมกันตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ได้ทยอยส่งสำนวนบางส่วนให้กับ DSI ไปบ้างแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถรวบรวมข้อมูลหลักฐานและส่งสำนวนในทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับหมอบุญ วนาสิน กับพวก ให้กับ DSI ได้ไม่เกินวันพุธนี้ (27 พฤศจิกายน)
สำหรับการดำเนินคดีในระยะต่อไป หาก DSI พิจารณารับคดีหมอบุญ วนาสิน กับพวก ไว้เป็นคดีพิเศษ ขั้นตอนต่อไป DSI จะเป็นผู้มีอำนาจพิจารณารูปแบบในการดำเนินคดีว่าต้องการให้ตำรวจเข้าร่วมทำคดีในฐานะพนักงานสืบสวนสอบสวนต่อไปหรือไม่ หรือหาก DSI เห็นว่าสามารถดำเนินคดีได้เองก็อาจจะขอให้ตำรวจมาทำหน้าที่ผู้ช่วยเจ้าพนักงาน
พล.ต.ต. พุฒิเดช กล่าวว่า ในส่วนฐานความผิดของหมอบุญ วนาสิน กับพวก ที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 จะเป็นส่วนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่จะดำเนินการ ซึ่งเข้าใจว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ
“คดีของหมอบุญ วนาสิน กับพวก ในฝั่งของตำรวจมีผู้มาร้องทุกข์ในหลายหน่วยงาน ซึ่งคดีจะดำเนินการแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่มีการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ จะเกี่ยวข้องกับสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งจะเข้ามาดูแลในส่วนนี้ อีกส่วนที่เป็นความผิดเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือที่เป็นแชร์ลูกโซ่ จะมีฝั่งตำรวจดำเนินการ ทั้ง บก.ปอศ. และ บช.น.”
ด้าน พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดี DSI เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า DSI อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวคดีความผิดที่ของหมอบุญ วนาสิน กับพวก ที่ตำรวจส่งข้อมูลมายัง DSI หากเข้าเงื่อนไขและหลักเกณฑ์เป็นคดีพิเศษ DSI ก็พร้อมอนุมัติเพื่อดำเนินการเป็นคดีพิเศษ
“ถ้าข้อเท็จจริงในเอกสารสำนวนพบว่ามีจำนวนผู้เสียหายเกิน 300 ราย หรือมีมูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านบาท ตามที่มีการรายงานออกมา ก็เข้าหลักเกณฑ์ที่ DSI จะรับไว้เป็นคดีพิเศษ”
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงในตลาดทุนเปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่าคดีความที่กำลังเกิดขึ้นของหมอบุญ วนาสิน เบื้องต้นเป็นประเด็นการกระทำของบุคคล ส่วนที่หมอบุญ วนาสิน เป็นผู้ถือหุ้นใน บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) นั้นยังไม่พบว่าบริษัทมีการกระทำผิด ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบต่อไป
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กับสำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการตรวจสอบกรณีที่มีข่าวว่าหมอบุญ วนาสิน ได้นำหุ้น THG มาใช้กู้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินที่ปล่อยกู้ โดยอ้างว่าจะนำเงินไปลงทุนเพื่อให้ผลกำไรมาจ่ายผลตอบแทนต่อนั้น ว่าหมอบุญ วนาสิน ได้ทำธุรกรรมจำนำหุ้น รวมทั้งได้มีการจดทะเบียนจำนำหุ้น THG จริงหรือไม่
เนื่องจากขั้นตอนโดยปกติในการจำนำหุ้นของบริษัทจดทะเบียนใน ตลท. ระหว่างบุคคลตามกฎหมาย จะต้องมีการจดทะเบียนจำนำและแจ้งนายทะเบียน คือศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) (TSD) ระหว่างผู้กู้กับผู้ปล่อยกู้ด้วย
“กรณีที่หมอบุญนำหุ้นไปจำนำเพื่อนำเงินกู้ออกมา ตลท. กับ ก.ล.ต. กำลังตรวจสอบว่ามีการทำเอกสารสัญญาจำนำหุ้นกันเอง หรือมีการมาแจ้งนายทะเบียนอย่างถูกต้องหรือเปล่า เพราะหากไม่แจ้งนายทะเบียนก็ต้องไปดูเจ้าของหุ้นที่เอาหุ้นไปจำนำ อาจจะเป็นการหลอกลวง ฉ้อโกง หรือปกปิดข้อมูลหรือไม่ ซึ่งผู้ปล่อยกู้อาจไม่ทราบว่าการรับจำนำหุ้นตามกฎหมายจะต้องมีการจดทะเบียนจำนำและแจ้งนายทะเบียน ซึ่งทั้ง ตลท. กับ ก.ล.ต. ต้องเตรียมข้อมูลส่วนนี้ไว้หากในอนาคตตำรวจกับ DSI ขอข้อมูลเข้ามาด้วย” แหล่งข่าวกล่าว