×
SCB Omnibus Fund 2024

วิเคราะห์วิสัยทัศน์ GULF มองการณ์ไกลแค่ไหน? หลังทุ่ม 1 หมื่นล้านบาทซื้อหุ้นไทยคม

09.11.2022
  • LOADING...
GULF

HIGHLIGHTS

  • หลังจากที่ GULF ประกาศจับมือกับพันธมิตรอย่าง ADVANC และ Singtel เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจ Data Center ในประเทศไทย รองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด GULF ได้ก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมนี้อีกครั้ง
  • โดย GULF ประกาศทุ่มเงิน 1 หมื่นล้านบาท เข้าซื้อหุ้น บมจ.ไทยคม หรือ THCOM และขึ้นแท่นเจ้าของกิจการดาวเทียมแห่งเดียวของประเทศไทย
  • การเป็นเจ้าของกิจการดาวเทียมเปิดทางให้ GULF สามารถต่อยอดด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีโทรคมนาคมและการสื่อสารได้อย่างก้าวกระโดด โดยล่าสุดอยู่ระหว่างศึกษาเทคโนโลยีของ SpaceX มุ่งเจาะพื้นที่ที่บริการอินเทอร์เน็ตพื้นเข้าถึงยาก
  • นอกจากปลดล็อกศักยภาพทางธุรกิจแล้ว ดีลนี้ยังสะท้อนถึงการบริหารสภาพคล่องทางการเงินของ GULF และธุรกิจในเครืออีกด้วย 
  • ขณะที่ THCOM ก็ถูกปลดล็อกด้านโครงสร้างผู้ถือหุ้นต่างชาติ ส่งผลให้สามารถทำธุรกิจเชิงสัมปทานได้ราบรื่นมากขึ้น 

เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ประกาศบิ๊กดีลโดยทุ่มงบ 1 หมื่นล้านบาท ซื้อหุ้น บมจ.ไทยคม หรือ THCOM 41.13% จาก บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ หรือ INTUCH รวมทั้งใช้ทำเทนเดอร์ และมีแผนที่จะจับมือกับ SpaceX เพื่อศึกษาต่อยอดธุรกิจดาวเทียมให้บริการอินเทอร์เน็ตพื้นที่ห่างไกลสายไฟเบอร์

 

โดยล่าสุด GULF แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า จะลงทุน 10,873.33 ล้านบาท ซึ่งแบ่งใช้ซื้อหุ้น บมจ.ไทยคม (THCOM) สัดส่วน 41.13% ราคาหุ้นละ 9.92 บาท มูลค่ารวมประมาณ 4,472.64 ล้านบาทจาก บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ทั้งหมดถืออยู่ ซึ่ง GULF คาดว่าการดำเนินการตามเงื่อนไขทั้งหมดน่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ของปี 2566 

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ซึ่งหมายความว่าภายหลังจากที่ดีลนี้สำเร็จลุล่วง GULF จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 รายใหม่ของ THCOM แทน INTUCH ทันที และกลายเป็นเจ้าของธุรกิจ ‘ดาวเทียวไทยคม’ รายใหม่ 

 

นอกจากนี้เมื่อดีลการซื้อหุ้น THCOM สำเร็จ ขั้นตอนต่อไปคือ GULF จะเดินหน้าทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (เทนเดอร์) ทั้งหมดของ THCOM ส่วนที่เหลืออีก 58.87% ของหุ้นทั้งหมดของ THCOM จากผู้ถือหุ้นที่เหลือ โดยจะใช้เงินอีกรวมประมาณ 6,400.69 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จแล้วดีลนี้ GULF ใช้เงินทั้งสิ้น 1 หมื่นล้านบาท 

 

แน่นอนว่าดีลนี้ไม่ใช่การรุกเข้าลงทุนครั้งแรกในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมของ GULF โดยก่อนหน้านี้ในปี 2564 ได้เคยทุ่มเงินราว 1 แสนล้านบาท เพื่อเข้าซื้อหุ้น INTUCH ทำให้ปัจจุบัน GULF ขึ้นแท่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เบอร์ 1 ใน INTUCH ด้วยจำนวนหุ้นที่มีในมือ 46.44% 

 

และในวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา INTUCH ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลจากเงินที่ได้จากการขายหุ้น THCOM ในครั้งนี้ด้วย ดังนั้นแล้ว GULF ในฐานะผู้ถือหุ้นของ INTUCH จะมีโอกาสรับเงินปันผลกลับคืนมาด้วย รวมกับโอกาสที่ได้เป็นเจ้าของ ‘ดาวเทียมไทยคม’ แบบเต็มตัว สามารถบริหารจัดการควบคุมแบบเบ็ดเสร็จ นำมาใช้ต่อยอดธุรกิจของกลุ่ม 

 

สำหรับผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับดีลซื้อขายหุ้น THCOM มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาทครั้งนี้มี 3 ฝ่ายหลักๆ คือ GULF, INTUCH และ THCOM THE STANDARD WEALTH ได้สอบถามความเห็นและมุมมองของผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อดีลนี้ ดังนี้ 

 

เกิด Synergy ระยะยาว หลังพัฒนาความร่วมมือกับ SPACEX 

แหล่งข่าวระดับสูง บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ดีลที่บริษัทประกาศเข้าซื้อหุ้นใน บมจ.ไทยคม (THCOM) จะเป็นการสร้างประโยชน์ร่วมทางธุรกิจ (Synergy) ให้กับธุรกิจปัจจุบันกับ GULF ได้ในระยะยาวทั้งในกลุ่มธุรกิจพลังงาน, ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค และธุรกิจดิจิทัล 

 

โดยเฉพาะแนวโน้มในอนาคตที่เทคโนโลยีดาวเทียมจะเป็นโอกาสสร้างการเติบโตทางธุรกิจในการรับส่งข้อมูล (Data) ต่างๆ ให้บริการทั้งระบบการสื่อสารโทรคมนาคม รวมถึงการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตและอื่นๆ ในพื้นที่ห่างไกล หรือหมู่เกาะที่ระบบสายไฟเบอร์ออปติก (Fiber Optic) อาจเข้าไปให้บริการได้ไม่ถึง

 

อีกทั้ง THCOM ยังมีความสัมพันธ์ในทางธุรกิจที่ดีมายาวนานกับบริษัท สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) โดย THCOM เป็นลูกค้ารายแรกๆ ตั้งแต่ช่วงเริ่มก่อตั้ง SpaceX ที่มี อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร เพื่อบริการจรวดและฐานปล่อยดาวเทียม SpaceX ยิงดาวเทียมของไทยคมขึ้นสู่วงโคจร 

 

ดังนั้นบริษัทปัจจุบันกำลังศึกษาจุดอ่อนกับจุดแข็งของเทคโนโลยีที่ SpaceX ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาว่ามีความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์ เพื่อหาโอกาสร่วมกันในเชิงธุรกิจในการนำดาวเทียมมาใช้พัฒนาให้บริการระบบการสื่อสารโทรคมนาคม 

 

รวมถึงการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตและอื่นๆ ในพื้นที่ห่างไกล หรือหมู่เกาะ เช่น ประเทศฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย ที่อาจมีข้อจำกัดในการเข้าถึงพื้นที่ เพื่อวางระบบสายไฟเบอร์ออปติกหรือเสาส่งสัญญาณ 

 

โดยเทคโนโลยีดาวเทียมก็จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในจุดนี้ได้อย่างดี รวมถึงอนาคตในระยะยาวยังศึกษาโอกาสในการใช้ประเทศไทยเป็นฐานยิงดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร เนื่องจากไทยมีความได้เปรียบในเชิงของทำเลที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางของเอเชีย ทำให้มีวงโคจรสามารถให้บริการลูกค้าได้ทั้งภูมิภาค แต่ต้องมีการศึกษาหาพื้นที่ใช้เป็นฐานติดยิงจรวดอย่างรอบคอบ เพราะต้องเป็นพื้นที่ห่างไกลชุมชน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชน

 

ปลดล็อกโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ THCOM 

นอกจากนี้เมื่อ GULF ที่เป็นบริษัทสัญชาติไทยที่เข้ามาถือหุ้นใหญ่ THCOM เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยมาแก้ไขปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในอดีตกับ THCOM ในช่วงก่อนหน้านี้ที่มีประเด็นว่ามีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นบริษัทต่างชาติในธุรกิจที่เกี่ยวกับความมั่นคงอย่างสัมปทาน ‘ธุรกิจดาวเทียม’ การเข้ามาของ GULF จะทำให้ปัญหานี้จะถูกปลดล็อกไปด้วย อีกทั้งยังทำให้มีโอกาสขยายธุรกิจดาวเทียมในอนาคตได้คล่องตัวขึ้น

 

นอกจากนี้ INTUCH ยังแจ้งว่าจะมีการพิจารณาจ่ายเงินปันผลจากการขายหุ้น THCOM ให้กับผู้ถือหุ้น INTUCH ซึ่ง GULF นั้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ INTUCH 46.44% จึงมีโอกาสที่จะรับเงินปันผลในส่วนนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม INTUCH จะสามารถจ่ายเป็นเงินปันผลรวมกับงวดประจำหรือแยกออกมาเป็นเงินปันผลพิเศษ ก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการดำเนินการปิดดีล

 

พิสุทธิ์ งามวิจิตรวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า หาก GULF ปิดซื้อหุ้นได้สำเร็จ จะทำให้ THCOM มีฐานะเป็นบริษัทลูกของ GULF ซึ่งเป็นการปลดล็อกมูลค่าธุรกิจของ THCOM และส่งผลให้ GULF บริหารจัดการธุรกิจของ THCOM ได้แบบเต็มที่มากกว่าการที่มีบริษัทลูก INTUCH ถือหุ้น โดยแต่เดิมนั้นจะมีกลุ่ม Singtel ที่ร่วมถือหุ้นใน INTUCH ด้วย ทำให้ที่ผ่านมา GULF มีอำนาจในการบริหารได้ไม่เต็มที่ 

 

“เดิม THCOM มีฐานะเป็นเหมือนบริษัทหลานของ GULF การเข้ามาถือหุ้นเต็ม 100% ครั้งนี้ยังเป็นการแก้ปัญหาข้อครหาของ THCOM ในอดีตที่มีผู้ถือหุ้นเป็นต่างด้าวให้จบลงด้วย ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจของ THCOM ในอนาคตจะทำได้ง่ายขึ้น”

 

พิสุทธิ์กล่าวอีกว่า INTUCH จะได้ประโยชน์โดยตรง เพราะจะได้เงินเข้ามาทันที 4,472.64 ล้านบาทจากการขายหุ้น THCOM ในครั้งนี้ พร้อมทั้งคาดว่า INTUCH จ่ายปันผลออกมาทั้งจำนวนให้กับผู้ถือหุ้น ดังนั้น GULF จะได้เงินปันผลพิเศษจากดีลนี้กลับมาราว 2,100 ล้านบาทตามถือหุ้น 46.44% 

 

อีกทั้งในอนาคตคาดว่า GULF ยังมีโอกาสได้รับเงินผลจาก THCOM เพิ่มเติมด้วย ส่วนราคาที่ซื้อ INTUCH ที่ 9.92 บาทต่อหุ้น ถือว่าเป็นระดับที่ถูกมากมี P/E Ratio เพียง 18 เท่า เปรียบเทียบกับ GULF ที่มี P/E Ratio พุ่งแตะ 62 เท่า ขณะที่ INTUCH หลังขาย THCOM ออกทั้งหมดแล้ว แต่จะยังเหลือหุ้นสัดส่วน 40.44% ของ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ที่จะยังเป็นธุรกิจหลักที่สร้างกำไรให้กับ INTUCH

 

สำหรับคำแนะนำการลงทุน แนะนำขายให้ THCOM ที่ราคาเทนเดอร์ 9.92 บาทต่อหุ้น เพราะราคาเป้าหมายเดิมสิ้นปี 2566 ที่ 9.22 บาทต่อหุ้น เพราะยังต้องรอติดตามฟังแผนธุรกิจกับ Synergy ที่จะเกิดในอนาคตระหว่าง THCOM กับ GULF ส่วน INTUCH แนะนำซื้อเพราะได้ประโยชน์โดยตรงจากดีลนี้ให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 81.84 บาทต่อหุ้น เพิ่มจากเดิมที่ 81.55 บาทต่อหุ้น เพราะประโยชน์จากเงินปันผลรับที่จะมีมากขึ้น

 

GULF ครองธุรกิจสัมปทานเพิ่ม

กิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) วิเคราะห์ว่า ดีลที่ GULF จะซื้อหุ้น THCOM จาก INTUCH นั้น ในระยะสั้น INTUCH จะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะจะได้รับกำไรพิเศษจากการขายหุ้นในครั้งนี้ และจะมีการนำไปจ่ายเป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น INTUCH ด้วย ขณะที่ในระยะยาวมองว่าจะมาช่วยสร้าง Synergy ให้กับธุรกิจในกลุ่มของ GULF ทั้งหมด อีกทั้งแนวทางในการขยายธุรกิจของ GULF จะเน้นธุรกิจที่มีสัมปทานคุ้มครองอยู่แล้ว หรือมีลักษณะผูกขาดตามธรรมชาติของธุรกิจ ซึ่งคล้ายกับธุรกิจที่เคยลงทุนในปัจจุบันทั้งโรงไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่มีในพอร์ตธุรกิจปัจจุบัน

 

นอกจากนี้ระบบบริการดาวเทียมจะสามารถเข้ามาสนับสนุนในธุรกิจ Data Center เข้าช่วยเชื่อมโยงเครือข่ายบริการในทั้งภูมิภาค และเป็นการต่อยอดสร้างการเติบโตของธุรกิจไฟฟ้าด้วย เพราะการที่เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐาน Data Center จะส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

อีกทั้งการลงทุนในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมยังสร้างผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ที่สูงราว 20% เปรียบเทียบกับธุรกิจไฟฟ้าที่มี IRR ในระดับ 10% ดังนั้นการลงทุนใน THCOM ของ GULF นอกจากจะเกิด Synergy ให้กับธุรกิจในกลุ่มของ GULF แล้ว ยังช่วยกระจายความเสี่ยงมาสู่ธุรกิจที่มี IRR สูงขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามแผนธุรกิจจากผู้บริหารของ GULF ที่ชัดเจนอีกครั้งว่าจะสร้าง Synergy อย่างไร

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising