×

ซงจุงกิ กลับมาทวงบัลลังก์ด้วยบททนายมาเฟียสุดท้าทายใน Vincenzo

22.02.2021
  • LOADING...
Vincenzo

HIGHLIGHTS

  • วินเชนโซ กาซาโน (รับบทโดย ซงจุงกิ) ทนายความที่ปรึกษาของมาเฟียอิตาลี เขาเชื่อว่าความชั่วเท่านั้นที่จะจัดการความชั่วได้
  • วินเชนโซถูกมาเฟียชาวอิตาลีรับไปอุปการะตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ต่อให้เขาจะอยู่ที่นั่นมาตลอด แต่ด้วยรูปลักษณ์ความเป็นเอเชียก็ยังทำให้แปลกแยกจากคนอื่นอยู่ดี และเมื่อกลับมาอยู่เกาหลีก็กลายเป็นว่าไม่ใช่สถานที่ที่ตัวเองคุ้นเคย เหมือนเป็นชาวต่างชาติที่มาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ นั่นหมายความว่าเขาต้องรับมือกับความเหงาและเปล่าเปลี่ยวมาเกือบตลอดชีวิต
  • “ผลงานเรื่องล่าสุดของผม Vincenzo เป็นซีรีส์ที่ผมจะได้มีโอกาสแสดงในแนวคอเมดี้ที่ผู้ชมไม่ได้เห็นกันมานานครับ” – ซงจุงกิ

 

Vincenzo

 

ซงจุงกิ กับการคัมแบ็กครั้งสำคัญใน Vincenzo ซีรีส์เรื่องล่าสุดนั้นเรียกได้ว่าสมศักดิ์ศรีทีเดียว เพราะหลังจากออกอากาศ 2 ตอนแรกไปแล้วเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้ชมก็คงจะได้สัมผัสถึงความเล่นใหญ่ที่สนุกเกินคาดกันไปแล้ว อีกทั้งเรตติ้งตอนแรกที่ออกอากาศยังฟาดไปถึง 7.7%


Vincenzo เล่าเรื่องราวของ วินเชนโซ กาซาโน (รับบทโดย ซงจุงกิ) ทนายความที่ปรึกษาของมาเฟียอิตาลี เขาเชื่อว่าความชั่วเท่านั้นที่จะจัดการความชั่วได้ วินเชนโซคอยสะสางปัญหาต่างๆ อย่างรอบคอบด้วยทักษะการต่อรองชั้นเยี่ยม แต่เมื่อมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นจนทำให้ต้องกลับมาเกาหลี วินเชนโซกลับต้องมาเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามที่แม้แต่เขาเองก็ยากจะรับมือ แล้วชีวิตยังต้องเข้าไปพัวพันกับ ฮงชายอง (รับบทโดย ชอนยอบิน) ทนายความสาวที่เห็นผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง ยอมขายวิญญาณเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ


ทางด้านของซงจุงกินั้น ถือได้ว่าการรับบทบาททนายมาเฟียในครั้งนี้มีทั้งความน่าสนใจและความท้าทายพร้อมกันในคราวเดียว นั่นเพราะ Vincenzo มีอะไรหลายๆ อย่างที่คนดูไม่ได้เห็นมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแนวทางใหม่ๆ ของบท หรือความสามารถของตัวนักแสดงเองที่รอโอกาสจะแผ่ออร่าออกมาให้พวกเราได้ตื่นเต้นกันอีกครั้ง

และนี่คือ 4 เหตุผลที่บอกว่าทำไม Vincenzo จึงเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ท้าทายที่สุดของซงจุงกิ ซึ่งคุณไม่ควรพลาดชมอย่างเด็ดขาด

 

Vincenzo

 

ผลงานคัมแบ็กทางโทรทัศน์ในรอบ 2 ปี
การกลับมารับงานซีรีส์ของซงจุงกิในครั้งนี้ถือเป็นการหวนคืนจอในรอบ 2 ปี ถัดจากผลงานเรื่องล่าสุดอย่าง Arthdal Chronicles ที่แม้จะเป็นซีรีส์ฟอร์มยักษ์ของช่อง tvN ที่ทุ่มทุนสร้างถึง 5 หมื่นล้านวอน (ราว 1.3 พันล้านบาท) ซึ่งนับว่าเป็นงบประมาณที่สูงมากเมื่อเทียบกับทุนสร้างของซีรีส์เรื่องอื่นๆ แต่ผลตอบรับกลับไม่ได้โดนใจผู้ชมมากนัก เพราะสามารถทำเรตติ้งเฉลี่ยสูงสุดได้เพียง 7.7% เท่านั้น

สำหรับซีรีส์ Vincenzo แค่เพียงภาพนิ่งที่ปล่อยออกมาครั้งแรกก็สร้างเสียงฮือฮาให้เหล่าแฟนๆ ที่รอคอยการกลับมาของซงจุงกิได้มากพอสมควร ด้วยลุคชุดสูทที่เนี้ยบกริบตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมมาดร้ายๆ ขรึมๆ ที่แค่เห็นก็พอดูออกว่าการกลับมาในครั้งนี้ของเขาต้องไม่ใช่บทบาทธรรมดาๆ อย่างแน่นอน

 

คอนเซปต์ของเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ในวงการซีรีส์เกาหลี

ซีรีส์ที่เล่าเรื่องของทนายที่คอยจัดการคดีให้คนผิดมารับโทษอาจจะมีให้ดูกันบ่อยแล้ว แต่พล็อตของ Vincenzo เป็นการพาทนายที่ปรึกษามาเฟียจากฝั่งอิตาลี (ซงจุงกิ) มาเจอกับทนายเกาหลีที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง (ชอนยอบิน) ซึ่งกลายเป็นว่าพวกเขาต้องร่วมมือกันจัดการความชั่วด้วยวิธีที่อาจจะชั่วร้ายยิ่งกว่า!

 

ซงจุงกิให้สัมภาษณ์ในวันแถลงข่าวซีรีส์ไว้ว่า “ตอนที่ได้ยินว่าจะทำซีรีส์เกี่ยวกับทนายมาเฟียจากอิตาลี ผมตื่นเต้นมาก เพราะคอนเซปต์มาเฟียเป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับเกาหลี นั่นทำให้ผมคิดว่ามันจะเป็นไปได้จริงๆ เหรอ แต่พอได้เห็นบทแล้ว ผมรู้สึกว่าผู้กำกับและนักเขียนช่วยกันผสมผสานเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคมเกาหลีและคอนเซปต์ของมาเฟียออกมาได้ดีมาก และมีหลายจุดที่ทำให้รู้สึกแปลกใหม่  

 

“ปกติผมจะหลีกเลี่ยงการรับบทที่เคยมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบทที่ผมเคยเล่นเองหรือว่าไม่ได้เล่นเองก็ตาม ในเรื่องนี้ก็เลยเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก  ทนายมาเฟียที่จะมาจัดการกับคนชั่วช้าอย่างที่สุดในสังคมเกาหลี วิธีการจัดการของวินเชนโซก็เป็นแบบที่ผมอินไปด้วย ทำให้ได้รู้ว่าในใจผมก็มีความโกรธนี้อยู่มากเหมือนกัน”

 

VincenzoVincenzo

 

บทบาททนายสายดาร์ก ที่ปรึกษาทางกฎหมายของมาเฟียอิตาลี

การที่ต้องรับบทเป็น ‘วินเชนโซ’ ซึ่งถูกนำมาตั้งเป็นชื่อซีรีส์ด้วย แน่นอนว่างานนี้ซงจุงกิคงต้องรับบทหนักในการเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องอยู่แล้ว แต่นอกเหนือไปจากนั้นคือบทบาททนายมาเฟียที่เขาได้รับ ซึ่งเป็นการท้าทายตัวเองด้วยการแสดงเป็นตัวละครสีเทา ไม่ได้เป็นคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แถมยังต้องฝึกพูดภาษาอิตาลีให้คุ้นปากเหมือนเป็นภาษาของตัวเองอีกด้วย


“ในซีรีส์
Vincenzo มีฉากที่ต้องพูดภาษาอิตาลีเยอะมากเลยครับ เพราะว่าบทถูกเขียนมาให้มีฉากหลังเป็นประเทศอิตาลีด้วย ผู้กำกับและนักเขียนจึงพยายามใส่รายละเอียดต่างๆ ที่ทำให้เห็นความแตกต่างของวินเชนโซและความเป็นเกาหลีจ๋าๆ ด้วยการพยายามใส่จุดเด่นของอิตาลีเข้าไป ซึ่งส่วนที่โดดเด่นและเห็นได้ชัดที่สุดก็น่าจะเป็นภาษา ผมก็เลยต้องไปเรียนกับเจ้าของภาษาเพื่อนำมาใช้ในการถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ด้วย”

 

นอกเหนือจากอาชีพทนายที่จะทำให้เราได้เห็นด้านใหม่ๆ ของซงจุงกิแล้ว ในมุมของตัวละครก็น่าจะมีความรู้สึกอ่อนไหวและเปล่าเปลี่ยวแฝงอยู่ภายใต้บุคลิกที่ดูเยือกเย็น ด้วยความที่วินเชนโซถูกมาเฟียชาวอิตาลีรับไปอุปการะตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ต่อให้เขาจะอยู่ที่นั่นมาตลอด แต่ด้วยรูปลักษณ์ความเป็นเอเชียก็ยังทำให้แปลกแยกจากคนอื่นอยู่ดี และเมื่อกลับมาอยู่เกาหลีก็กลายเป็นว่าไม่ใช่สถานที่ที่ตัวเองคุ้นเคย เหมือนเป็นชาวต่างชาติที่มาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ นั่นหมายความว่าเขาต้องรับมือกับความเหงาและเปล่าเปลี่ยวมาเกือบตลอดชีวิต

 

“แน่นอนว่าการมารับบททนายก็ต้องมีการเตรียมตัวประมาณหนึ่งอยู่แล้ว แต่ในมุมของการนำเสนอตัวละครวินเชนโซ ผมพยายามจะนำเสนอความรู้สึกที่อยู่ภายในตัวละครออกมามากกว่า ผู้ชายที่เกิดและอาศัยในอิตาลีมาตลอดชีวิตต้องกลับมาที่เกาหลีซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิด แล้วยังมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย

 

“รวมไปถึงความรู้สึกอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว และความแตกต่างของตัวเขากับสิ่งที่เกิดขึ้นในโซล ผมก็เลยพยายามจะเข้าถึงความรู้สึกของเขามากกว่าจะโฟกัสที่อาชีพทนายครับ”

 

Vincenzo Vincenzo

 

ได้รับเลือกจากบทบาทการแสดงในซีรีส์ The Innocent Man

ผู้กำกับซีรีส์ คิมฮีวอน ได้เผยถึงเหตุผลที่เลือกซงจุงกิมารับบทนำในครั้งนี้เอาไว้ว่า “หลังจากที่ได้ดูซีรีส์เรื่อง The Innocent Man ฉันทึ่งมากที่เขาสามารถถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครที่มีชีวิตมืดมนและโดดเดี่ยวออกมาได้ดีภายใต้ใบหน้าที่ดูไร้เดียงสา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม มันมีจุดเชื่อมโยงบางอย่างที่คล้ายคลึงกันมากระหว่างซงจุงกิและวินเชนโซ นั่นทำให้ฉันรู้สึกว่าคนที่เหมาะสมกับบทนี้ที่สุดคือเขา”


ด้วยเหตุผลที่ผู้กำกับคิมฮีวอนกล่าวมาถือว่ามีส่วนที่ทำให้ผู้ชมต่างคาดหวังที่จะได้เห็นการแสดงระดับมืออาชีพแบบที่เคยเห็นซงจุงกิทำได้มาแล้วในซีรีส์เรื่องดังกล่าว ซึ่ง
The Innocent Man นั้นนับว่าเป็นซีรีส์ที่เป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงเวลานั้น และยังเป็นหนึ่งในผลงานของซงจุงกิที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

 

Vincenzo


The Innocent Man (2012) ว่าด้วยเรื่องราวความรักและความแค้นของ คังมารู นักศึกษาแพทย์ที่ทั้งหล่อ ฉลาด จิตใจดี แต่เพราะยังไร้เดียงสาเรื่องความรัก จึงถูกแฟนสาวหักหลังไปคบกับพ่อม่ายเศรษฐีอายุคราวพ่อ ด้วยความแค้นครั้งนี้ทำให้เขาตัดสินใจเข้าหา ซออึนกี ที่มีสถานะเป็นลูกเลี้ยงของแฟนเก่า และพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เธอได้ในสิ่งที่ต้องการ

นอกเหนือจากผลงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ซงจุงกิยังมีผลงานที่สร้างความประทับใจให้ผู้ชมอีกนับไม่ถ้วน และยังเป็นการแสดงที่ทำให้มองเห็นถึงความสามารถของเขานอกเหนือไปจากการรับบทบาทของผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นผลงานก่อนหน้าอย่างภาพยนตร์ไซไฟอวกาศ Space Sweepers (2021) ที่มาพร้อมโปรดักชันสุดอลังการ ซึ่งนับเป็นการยกระดับภาพยนตร์ของเกาหลีขึ้นไปสู่ระดับโลกก็ว่าได้ โดยซงจุงกิรับบทเป็น แทโฮ นักบินอวกาศอัจฉริยะที่มีปมในใจ

การรับบทสองตัวละครที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงใน Arthdal Chronicles (2019) ซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวของการกำเนิดอารยธรรมและรัฐชาติในยุคอันไกลโพ้น เมื่อคนจากต่างเผ่าพันธ์ุต่อสู้เพื่อเผ่าของตัวเอง ผสมผสานด้วยเรื่องความรัก ความขัดแย้ง และการปรองดองของวีรบุรุษในตำนาน 

 

VincenzoVincenzo



Descendants of the Sun (2016) ซีรีส์ที่สร้างกระแสไปทั่วเอเชีย เรื่องราวความโรแมนติกที่ตีคู่ไปกับความรู้สึกรักชาติของ ยูชีจิน หัวหน้าทหารกองกำลังพิเศษ ที่มาพบรักกับแพทย์อาสา คังโมยอน เมื่อความรักเกิดขึ้นท่ามกลางสนามรบ และทั้งสองต้องจับมือกันข้ามผ่านบททดสอบความรักมากมายโดยมีความมั่นคงของชาติเป็นเดิมพัน 


A Werewolf Boy (2012) ภาพยนตร์โรแมนติกในตำนานที่เรียกน้ำตาผู้ชมมาแล้วนักต่อนัก กับเรื่องราวความรักที่ก่อตัวขึ้นจากความผูกพันระหว่างคนกับมนุษย์หมาป่า ที่แม้แต่กาลเวลาก็ไม่อาจพรากหัวใจอันบริสุทธิ์ของทั้งสองออกจากกันได้

 

Vincenzo Vincenzo

 

แม้ซงจุงกิจะมีผลงานทั้งซีรีส์และภาพยนตร์ออกมาให้ผู้ชมติดตามมากมาย แต่ตัวเขาเองก็ยังสามารถรักษามาตรฐานความสามารถได้อย่างคงเส้นคงวาอยู่เสมอ ไม่เคยทำให้ผู้ชมผิดหวัง และสำหรับ Vincenzo ซงจุงกิก็คาดหวังว่าผู้ชมจะมีความสุขกับการได้ดูซีรีส์เรื่องนี้เช่นเดียวกัน

 

“ในเรื่องของตัวละคร ผมคิดว่าผู้ชมไม่จำเป็นต้องพยายามมองหาภาพลักษณ์ใหม่ๆ จากผมก็ได้ครับ เพราะที่ผ่านมาผมก็ดึงความรู้สึกในการแสดงทั้งหมดออกมาจากตัวเอง เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วมันก็คือตัวผมนั่นแหละครับ แต่ในส่วนของแนวซีรีส์ ผมรับรองว่าผู้ชมจะสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่แน่นอนครับ เพราะ Vincenzo จะถ่ายทอดประเด็นดาร์กๆ ออกมาในรูปแบบที่แปลกใหม่ ผมอยากให้ผู้ชมตั้งตารอในจุดนั้นมากกว่า

 

“บทที่อยากแสดงผมก็ได้ลองมาหมดแล้ว ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักแสดงที่โชคดีมาก สมัยที่เดบิวต์ใหม่ๆ ผมเคยอยากลองรับบทแนวแวมไพร์ แล้วก็ได้แสดงเรื่อง A Werewolf Boy อยากลองแนวอวกาศก็ได้แสดงเรื่อง Space Sweepers รวมทั้งเคยได้โอกาสรับบทพระเจ้าเซจง บุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกาหลีมาแล้วในซีรีส์ Tree with Deep Roots


“ส่วนผลงานเรื่องล่าสุดของผม Vincenzo เป็นซีรีส์ที่ผมจะได้มีโอกาสแสดงในแนวคอเมดี้ที่ผู้ชมไม่ได้เห็นกันมานานครับ ในช่วงเวลาแบบนี้ที่คงไม่มีเรื่องให้เราหัวเราะกันได้เท่าไร ผมอยากให้วันสุดสัปดาห์ที่ซีรีส์เรื่องนี้ออกอากาศทำให้ทุกคนหัวเราะ และสนุกสนานไปพร้อมกับครอบครัวได้ ดูแล้วไม่รู้สึกว่าหนักเกินไปครับ” 

Vincenzo

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising