ซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และรัสเซียเมื่อวานนี้ (18 กุมภาพันธ์) และเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ และ วลาดิเมียร์ ปูติน ด้วย ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่สะท้อนให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของซาอุดีอาระเบียในการก้าวขึ้นเป็นตัวกลางสำคัญที่ช่วยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจ ขณะที่สื่อใหญ่ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า หนึ่งในเป้าหมายที่เป็นไปได้นั้น คือการเพิ่มอำนาจต่อรองของซาอุดีอาระเบียที่อาจเปิดการเจรจาเกี่ยวกับอนาคตของกาซาหลังสงคราม
สำหรับสถานที่จัดการเจรจาครั้งนี้ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินระบุว่า “เป็นที่ที่ทั้งสหรัฐฯ และรัสเซียยอมรับได้” โดยสื่อต่างประเทศมองว่าการประชุมครั้งนี้ยังถือเป็นชัยชนะของ มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ผู้นำของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งกำลังผลักดันให้ประเทศก้าวข้ามจากอดีตที่เคยอิงศาสนาอย่างเข้มงวด สู่ชาติที่ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลเป็นเครื่องมือในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์บนเวทีโลก
-
นักวิเคราะห์มองอย่างไร
“ผมไม่คิดว่าจะมีประเทศไหนที่ผู้นำมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับทั้งทรัมป์และปูตินเท่านี้อีกแล้ว” อาลี ชิฮาบี นักวิเคราะห์ชาวซาอุดีอาระเบีย กล่าว พร้อมเสริมว่า “สำหรับซาอุดีอาระเบีย งานนี้เป็นโอกาสที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์และสร้างซอฟต์พาวเวอร์ให้กับประเทศทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก”
เช่นเดียวกับ ผศ. ดร.มาโนชญ์ อารีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่มองว่าทั้งรัสเซียและสหรัฐฯ มีตัวเลือกเพียงไม่กี่ประเทศที่สามารถจัดเวทีไกล่เกลี่ยนี้ได้ เพราะซาอุดีอาระเบียเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่มากของสหรัฐฯ และระยะหลังซาอุดีอาระเบียก็ไปสานสัมพันธ์กับรัสเซียด้วย จึงเกิดจุดสมดุลของการเป็นเพื่อนใหม่และเพื่อนเก่า ซึ่งนำมาสู่การจัดเวที
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนทิศทางของชาติครั้งใหญ่ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียได้ปรับนโยบายสู่ความเป็นกลางในความขัดแย้งระดับโลก เพื่อดึงดูดการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อน Vision 2030 หรือแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของเจ้าชายบิน ซัลมาน ที่มุ่งลดการพึ่งพาน้ำมันลง
เจ้าชายบิน ซัลมาน พยายามลดบทบาทของซาอุดีอาระเบียในสงครามเยเมน หลังจากที่มีการต่อสู้กับกลุ่มกบฏฮูตีมานานหลายปี รวมถึงฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิหร่านแม้จะเป็นชาติคู่ขัดแย้ง ขณะเดียวกันก็รักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจีนและรัสเซีย พร้อมกับรักษาสถานะพันธมิตรที่แน่นแฟ้นกับชาติตะวันตก
ดร.มาโนชญ์ กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียต้องการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของตัวเองทั้งในภูมิภาคและระดับโลก และเมื่อพิจารณาเทรนด์แล้วจะเห็นว่ามีชาติมหาอำนาจระดับกลางที่ช่วงหลังแสดงบทบาทเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระดับภูมิภาค หนึ่งในนั้นคือตุรกีและกาตาร์ โดยรายหลังแม้จะเป็นประเทศที่เล็กกว่าซาอุดีอาระเบีย แต่ก็สามารถเป็นตัวกลางเจรจาระหว่างอิสราเอลและฮามาส หรือตาลีบันกับสหรัฐฯ มาแล้ว
-
มิตรรักของทรัมป์และปูติน
นอกจากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันชกมวยและเทศกาลดนตรีระดับโลกแล้ว ซาอุดีอาระเบียยังพยายามสร้างภาพลักษณ์ในฐานะผู้รักษาสันติภาพระดับโลก โดยในเดือนสิงหาคม 2023 ซาอุดีอาระเบียได้จัดการประชุมสุดยอดสันติภาพเกี่ยวกับยูเครนเป็นเวลา 2 วัน โดยมีตัวแทนจากกว่า 40 ประเทศเข้าร่วม และก่อนหน้านั้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน ซาอุดีอาระเบียได้ให้คำมั่นมอบเงินช่วยเหลือยูเครน 400 ล้านดอลลาร์
บทบาทของเจ้าชายบิน ซัลมาน ในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยเจรจาครั้งนี้มีรากฐานมาจากความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเคยให้การสนับสนุนพระองค์ แม้ในเวลานั้นซาอุดีอาระเบียจะถูกนานาชาติวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหลังเหตุการณ์สังหาร จามาล คาช็อกกี นักข่าวชื่อดัง
ในปี 2017 ทรัมป์ทำลายธรรมเนียมเดิมด้วยการเลือกซาอุดีอาระเบียเป็นจุดหมายแรกของการเยือนต่างประเทศในฐานะประธานาธิบดี และแม้หลังจากแพ้การเลือกตั้งในปี 2020 ซาอุดีอาระเบียก็ยังคงสานความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับทรัมป์ต่อ โดยลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ในบริษัทที่มี จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยของทรัมป์เป็นประธาน และประกาศแผนสร้างอาคาร Trump Tower ในซาอุดีอาระเบีย
แต่หลังจากทรัมป์ชนะเลือกตั้งสมัยที่สอง ดร.มาโนชญ์ มองว่า ทรัมป์ยังคงให้ความสำคัญกับซาอุดีอาระเบีย โดยซาอุดีอาระเบียเองก็ทอดสะพานให้สหรัฐฯ ด้วยการประกาศทันทีหลังทรัมป์รับตำแหน่งไม่นานว่าจะลงทุนในสหรัฐฯ ต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ปี
อย่างไรก็ตาม ดร.มาโนชญ์ กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียก็ไม่ได้พึ่งสหรัฐฯ มากเสียทีเดียว นอกจากนี้ยังมีท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้นต่อวอชิงตันด้วย ยกตัวอย่างเช่น ซาอุดีอาระเบียไม่เห็นด้วยที่ทรัมป์เสนอให้ชาวปาเลสไตน์ในกาซาย้ายไปอยู่อียิปต์หรือจอร์แดน พร้อมโต้กลับไปด้วยว่าให้ย้ายไปอยู่อะแลสกาแทน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าท่าทีของซาอุดีอาระเบียแข็งขึ้นอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
นอกจากนี้ซาอุดีอาระเบียยังยืนยันในข้อเรียกร้องเดียวในสงครามกาซา นั่นคือต้องตั้งรัฐปาเลสไตน์ ซึ่งการที่ซาอุดีอาระเบียมีท่าทีกับสหรัฐฯ เช่นนี้ได้เป็นเพราะซาอุดีอาระเบียไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคงอีกต่อไป เนื่องจากซาอุดีอาระเบียกลับมาสานสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านที่เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตแล้ว
ดร.มาโนชญ์ มองว่า ซาอุดีอาระเบียยังมองหาพันธมิตรมหาอำนาจอื่น เช่น เข้าหารัสเซียและจีนมากขึ้นด้วย
เจ้าชายบิน ซัลมาน มีสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซียด้วยเช่นกัน โดย วลาดิเมียร์ ปูติน ปฏิเสธที่จะกีดกันซาอุดีอาระเบียหลังเหตุสังหารคาช็อกกี ขณะที่เจ้าชายบิน ซัลมาน เองก็พยายามต่อต้านแรงกดดันจากชาติตะวันตกที่ต้องการให้ซาอุดีอาระเบียตัดสัมพันธ์กับรัสเซียหลังสงครามยูเครนเปิดฉาก และยังคงประสานงานอย่างใกล้ชิดกับปูตินในการควบคุมซัพพลายน้ำมันโลก โดยในปี 2022 ซาอุดีอาระเบียถึงขั้นเข้าข้างรัสเซียด้วยการปฏิเสธคำร้องขอจากรัฐบาลไบเดนให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน
ปูตินเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียในปี 2023 และพยายามชักชวนให้ซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมกลุ่ม BRICS เพื่อถ่วงดุลอิทธิพลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
“บทบาทของซาอุดีอาระเบียในวันนี้คือซาอุดีอาระเบียรู้ว่าตัวเองสำคัญกับสหรัฐฯ ด้วยอำนาจต่อรองที่มี และท่าทีที่แข็งขึ้น” ดร.มาโนชญ์ กล่าว
-
อนาคตสงครามยูเครนกับซัมมิตที่ซาอุ
ส่วนซัมมิตทรัมป์-ปูตินนี้จะจบสงครามในยูเครนได้จริงหรือไม่นั้น ดร.มาโนชญ์ มองว่า ทั้งปูตินและทรัมป์ต้องการจบ แต่ทว่ายูเครนและยุโรปอาจไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น การที่ปูตินและทรัมป์ไปคุยกัน เหมือนเป็นการบังคับให้ยูเครนและยุโรปต้องยอม แต่ท่าทีของยุโรปก็ออกมาแล้วว่าไม่ยอม จะร่วมมือกันช่วยเหลือยูเครน ซึ่งทำให้สงครามอาจจะไม่ได้จบง่ายๆ และอาจทำให้ยูเครนเจอกับสถานการณ์การสู้รบที่ยากลำบากขึ้นแน่นอน
-
จับตาอนาคตกาซาหลังสงคราม
ในระยะยาว ซาอุดีอาระเบียอาจใช้บทบาทตัวกลางในการประชุมไกล่เกลี่ยระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มผลประโยชน์ให้กับตนเองโดยเฉพาะในประเด็นกาซา หลังทรัมป์ประกาศว่าเขาต้องการยึดครองฉนวนกาซา และหวังสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ให้ปลอดภัยและเจริญรุ่งเรือง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของบรรดาผู้นำในประชาคมโลก โดยเฉพาะโลกอาหรับที่ปฏิเสธแนวคิดดังกล่าว พร้อมระบุว่าแนวทางของทรัมป์ปิดกั้นโอกาสการเกิดสันติภาพและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของคนภายในภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ในปลายสัปดาห์นี้จะมีการประชุมสุดยอดที่ซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอที่เป็นทางเลือกก่อนที่จะนำเสนอให้ทรัมป์พิจารณาต่อไป
ฮาซัน อัลฮาซัน นักวิจัยอาวุโสด้านนโยบายตะวันออกกลางประจำสถาบันการศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศในบาห์เรน กล่าวว่า “ด้วยการสนับสนุนเป้าหมายที่ทรัมป์ประกาศไว้ว่าจะยุติสงครามยูเครน ซาอุดีอาระเบียอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะเพิ่มความนิยมให้กับตนเอง ซึ่งซาอุดีอาระเบียสามารถใช้ประโยชน์จากความนิยมที่เพิ่มขึ้นในรัฐบาลทรัมป์เพื่อช่วยลดช่องว่างระหว่างจุดยืนของสหรัฐฯ และประเทศอาหรับเกี่ยวกับอนาคตของกาซา”
ภาพ: REUTERS/Evelyn Hockstein/Pool
อ้างอิง: