วานนี้ (14 กุมภาพันธ์) แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา มีคำสั่งปิดสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ณ กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนชั่วคราว พร้อมอพยพเจ้าหน้าที่ทางการทูตที่ยังเหลืออยู่มายังฝั่งยูเครนตะวันตก โดยเฉพาะที่เมืองลวิว เมืองศูนย์กลางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทางซีกตะวันตกของประเทศ เพื่อให้ห่างจากพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกที่ประชิดกับรัสเซีย หวั่นเกิดเหตุรัสเซียรุกรานยูเครน หลังสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นต่อเนื่อง
ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า เหตุผลเดียวที่มีการสั่งปิดและอพยพเจ้าหน้าที่ชั่วคราวสืบเนื่องมาจากเหตุผลด้านความปลอดภัย โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐฯ เตือนให้พลเมืองอเมริกันอพยพออกจากยูเครนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และแนะให้ผู้ที่ตกค้างอยู่ในยูเครนขณะนี้เดินทางออกจากประเทศในทันที
ทางการสหรัฐฯ ยังคงเชื่อว่ารัสเซียอาจตัดสินใจบุกยูเครนได้ทุกเมื่อ แม้ทางการรัสเซียจะเน้นย้ำว่าการเคลื่อนกำลังทางทหารมาประชิดแนวชายแดนนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแนวคิดที่จะบุกประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูเครน อีกทั้งนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญการเมืองรัสเซียจำนวนไม่น้อยยังคงมองว่า รัสเซียไม่มีแนวคิดที่จะบุกยูเครนในเร็ววันนี้ ตามที่สื่อตะวันตกตีกระแสแต่อย่างใด
ทางด้าน เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า กองกำลัง National Guard Police ของยูเครน จะทำหน้าที่คุ้มกันสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเคียฟ โดยสหรัฐฯ จะมีคำสั่งอพยพเจ้าหน้าที่กลับสถานทูตโดยเร็วที่สุด หากสถานการณ์ทุกอย่างปลอดภัยดีแล้ว ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อสายตรงถึงรัฐบาลรัสเซีย ทั้งในระดับประธานาธิบดีและรัฐมนตรีต่างประเทศ เพื่อหารือกันถึงทางออกที่เป็นรูปธรรม แต่ดูเหมือนว่าการพูดคุยดังกล่าวจะไม่ประสบผลสำเร็จตามที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- วิธีทางการทูตจะช่วยป้องกันการเกิดสงครามใน ‘วิกฤตการณ์ยูเครน’ ได้จริงหรือ?
- ‘ประเด็นน่าจับตาในการเมืองโลก 2022 กับ ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข’ และชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/world-politics-2022-by-surachat-bamrungsuk/
- ‘วิกฤตยูเครน 101: หรือความขัดแย้งในศักราชใหม่จะมาถึงทางตัน?’
- ‘ฉากทัศน์ความขัดแย้งวิกฤตการณ์ยูเครน-รัสเซีย มีโอกาสเกิดสงครามหรือไม่?’
- รวมลิงก์ จับตาวิกฤต ‘รัสเซีย-ยูเครน’ ทุกเรื่องต้องรู้ในความขัดแย้ง
ภาพ: Darrian Traynor / Getty Images
อ้างอิง: