วอลลี อาเดเยโม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยต่อสื่อว่า สหรัฐฯ จะประกาศเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ในวันนี้ (23 กุมภาพันธ์) โดยจะกำหนดเป้าหมายคว่ำบาตรจำนวน 500 เป้าหมาย ซึ่งรวมถึงบรรดา ‘โอลิการ์ก’ (Oligarch) หรือชนชั้นอำนาจในรัสเซีย ตลอดจนผู้ที่ทำงานสนับสนุนเครมลินและกองทัพรัสเซีย รวมทั้งบริษัทในประเทศที่สาม ที่อำนวยความสะดวกแก่รัสเซียในการเข้าถึงสินค้าต่างๆ
การบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ดังกล่าวจะมีขึ้นในวันครบรอบ 2 ปีที่รัสเซียเปิดฉากสงครามรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 โดยครั้งนี้เป็นแพ็กเกจคว่ำบาตรแบบครั้งเดียวที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งจะดำเนินการภายใต้ความร่วมมือกับหลายประเทศ
อาเดเยโมกล่าวว่า “การคว่ำบาตรและการควบคุมการส่งออกนั้นมุ่งเป้าไปที่การชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจของรัสเซีย และทำให้การทำสงครามในยูเครนยากลำบากมากขึ้น”
ทั้งนี้ การเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียเกิดขึ้นหลังกรณีการเสียชีวิตของ อเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายค้านและคู่ปรับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ระหว่างถูกจำคุกในเรือนจำ ซึ่งหลายฝ่ายกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของเครมลิน
คว่ำบาตรอย่างเดียว ‘ไม่พอ’
สำนักข่าว Reuters รายงานความเห็นจาก ปีเตอร์ ฮาร์เรลล์ อดีตเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งมองว่า มาตรการคว่ำบาตรนั้นไม่เพียงพอที่จะหยุดรัสเซียจากการทำสงครามในยูเครน และชี้ว่า “การเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครนนั้นมีความสำคัญมากกว่า”
อย่างไรก็ตาม แม้จะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาติ แต่เศรษฐกิจของรัสเซียยังคงเติบโตได้เหนือความคาดหมาย โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ในเดือนมกราคมว่า GDP รัสเซียจะเติบโตอยู่ที่ 2.6% ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.5% จากประมาณการในเดือนตุลาคม
โดยเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยว่า เศรษฐกิจของรัสเซียหดตัวลง 2.1% ในปี 2022 ซึ่งเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตร
ภาพ: Hannah McKay / File Photo / Reuters
อ้างอิง: