หมอใหญ่สหรัฐฯ ระบุ อาจจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับพลเมืองเร็วๆ นี้ หรือในไม่ช้า

วานนี้ (12 สิงหาคม) ดร.แอนโทนี เฟาซี หัวหน้าที่ปรึกษาทางด้านการแพทย์ของทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐอเมริกาอาจจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Shot) ให้กับพลเมืองเร็วๆ นี้ หรือในไม่ช้า เพื่อให้แน่ใจว่าพลเมืองจะมีภูมิคุ้มกันมากพอในการต้านและลดความเสี่ยงติดเชื้อโควิด

“อย่างที่เราได้กล่าวไป พวกเราประเมินสถานการณ์วันต่อวัน สัปดาห์ต่อสัปดาห์ เดือนต่อเดือน พยายามทำความเข้าใจงานศึกษาวิจัยทั้งในและนอกประเทศ ถ้ามีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเราจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เราก็พร้อมมากที่จะทำสิ่งนั้นในทันที โดยทำอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ”

ทางการกำลังพิจารณาถึงแนวทางในการเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับพลเมืองที่มีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งคิดเป็นราว 2.7% ของพลเมืองวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ และอาจมีความเสี่ยงสูงมากที่จะต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หากเกิดการติดเชื้อ เบื้องต้นเฟาซียังยืนยันว่า ผู้คนส่วนใหญ่ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วยังไม่จำเป็นต้องเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในทันที อีกทั้งยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าเชื้อโควิดสายพันธ์ุเดลตาจะแสดงอาการรุนแรงมากกว่าหากมีการติดเชื้อในเด็กหรือไม่

โดย ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐฯ (CDC) ชี้ว่า วิธีการที่ดีที่สุดที่เราจะทำให้เด็กๆ ปลอดภัยจากโควิด คือการทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆ ตัวเขาได้รับการฉีดวัคซีนโควิดทั้งหมด และปฏิบัติตามมาตรการรับมือต่างๆ อย่างเคร่งครัด อาทิ การสวมหน้ากากอนามัยภายในสถานศึกษา

เบื้องต้น ทางผู้ผลิตและพัฒนาวัคซีน mRNA อย่าง Pfizer และ Moderna กำลังประสานความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด โดยทั้งคู่ยอมรับว่าในท้ายที่สุดแล้ว อาจมีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับพลเมืองของตน อีกทั้งอาจจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี เช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่

ล่าสุด CDC รายงานว่า ทางการสหรัฐฯ กระจายวัคซีนไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศแล้ว 411,253,925 โดส ฉีดวัคซีนไปแล้ว 353,859,894 โดส มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกในเชิงปริมาณ รองจากจีนและอินเดีย พลเมือง 196,505,543 ราย หรือคิดเป็น 59.2% ของพลเมืองทั้งสหรัฐฯ เข้ารับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ขณะที่ 50.4% ของพลเมืองทั้งสหรัฐฯ ขณะนี้เข้ารับวัคซีนครบโดสแล้ว

บทความที่เกี่ยวข้อง: