×

สหรัฐฯ ส่งโดรนสังหารไอซิส-เค กลุ่มก่อการร้ายอยู่เบื้องหลังโจมตีสนามบินคาบูล

28.08.2021
  • LOADING...

กองทัพสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์วานนี้ (27 สิงหาคม) เปิดเผยว่าได้ส่งโดรนปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ถล่มเป้าหมายกลุ่มติดอาวุธไอซิส-เค ซึ่งเป็นเครือข่ายกลุ่มก่อการร้ายไอเอส ในจังหวัดนานกาฮาร์ ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน เพื่อตอบโต้การวางแผนโจมตีสนามบินในกรุงคาบูล ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 175 คน โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือนชาวอัฟกันที่รออพยพ และทหารอเมริกันรวม 13 นาย

 

การโจมตีทางอากาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศจะตามล่าและตอบโต้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุโจมตีสนามบินดังกล่าว และได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ วางแผนโจมตีตอบโต้ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มไอซิส-เค หรือในชื่อเต็มว่ากลุ่ม ‘รัฐอิสลามจังหวัดโคราซัน (Islamic State Khorasan Province)’ ที่ประกาศอ้างความรับผิดชอบหลังเกิดเหตุ

 

ขณะที่ ร.อ. บิลล์ เออร์แบน โฆษกกองทัพสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ ว่าผลจากการโจมตีทางอากาศ สามารถสังหารเป้าหมายของกลุ่มไอซิส-เค และไม่มีพลเรือนเสียชีวิต

 

“กองทัพสหรัฐฯ ได้ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายเหนือขอบฟ้าในวันนี้ (27 สิงหาคม) เพื่อตอบโต้ผู้วางแผนของไอซิส-เค โดยการโจมตีทางอากาศด้วยอากาศยานไร้คนขับ เกิดขึ้นในจังหวัดนานกาฮาร์ของอัฟกานิสถาน ข้อบ่งชี้เบื้องต้นคือเราได้สังหารเป้าหมายและเรารู้ว่าไม่มีพลเรือนเสียชีวิต” ร.อ. เออร์แบน ระบุ แต่ไม่ยืนยันแน่ชัดว่าเป้าหมายที่ถูกโจมตีนั้นเกี่ยวข้องกับการโจมตีสนามบินคาบูลอย่างไร

 

ทั้งนี้ เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ ระบุว่าประธานาธิบดีไบเดน พร้อมด้วยรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ได้รับคำเตือนที่เชื่อถือได้จากทีมเจ้าหน้าที่ความมั่นคงว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดการโจมตีก่อการร้ายที่สนามบินกรุงคาบูลอีก โดยสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในคาบูลประกาศเตือนชาวอเมริกันที่ยังอยู่ในอัฟกานิสถานให้เลี่ยงการเดินทางไปยังสนามบินและออกห่างจากประตูสนามบินในทันที ขณะที่ทำเนียบขาวชี้ว่า ปฏิบัติการอพยพพลเรือนออกจากอัฟกานิสถานในช่วง 2-3 วันจากนี้ จะเป็นช่วงที่อันตรายสูงสุด ซึ่งล่าสุด ทางกองทัพสหรัฐฯ ได้กลับมาเริ่มต้นการอพยพพลเรือนอีกครั้ง และมีรายงานเที่ยวบินอพยพเดินทางออกไปแล้วหลายลำ

 

ภาพ: Kent Nishimura / Los Angeles Times via Getty Images)

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising