สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ลงมติอนุมัติร่างกฎหมายห้ามธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ออกสกุลเงินดิจิทัล ( CBDC ) พร้อมส่งต่อวุฒิสภา อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ร่างกฎหมายนี้ได้รับการโหวตอย่างไรในชั้นวุฒิสภา ซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากอยู่
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (23 พฤษภาคม) ผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต 3 คน พร้อมกับ สส. จากพรรครีพับลิกันทั้งหมด 213 คน ร่วมโหวตผ่านร่างกฎหมาย The CBDC Anti-Surveillance State Act ขณะที่ สส. พรรคเดโมแครตอีก 192 คนลงคะแนนไม่เห็นด้วย
โดยร่างกฎหมายนี้มี Tom Emmer วิปผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกันเป็นหัวหอกในการผลักดัน เนื่องจากกังวลว่า CBDCหรือดอลลาร์ดิจิทัล อาจถูกนำมาใช้เพื่อสอดส่อง และเป็นการลิดรอนค่านิยมอเมริกัน
“เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วที่เราทำงานเพื่อให้ความรู้ เพิ่มการสนับสนุน และผ่านกฎหมายที่สำคัญนี้ ซึ่งป้องกันไม่ให้ข้าราชการที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งออกเครื่องมือสอดแนมทางการเงินเพื่อบ่อนทำลายค่านิยมอเมริกันของเรา” Emmer กล่าวกับ Fox News
Emmer กล่าวอีกว่า “กฎหมายฉบับนี้ทำให้มั่นใจได้ว่า นโยบายสกุลเงินดิจิทัลของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในมือของชาวอเมริกัน เพื่อให้การพัฒนาเงินดิจิทัลสะท้อนถึงคุณค่าของเราในด้านความเป็นส่วนตัว อธิปไตยส่วนบุคคล และความสามารถในการแข่งขันในตลาดเสรี นี่คือสิ่งที่เศรษฐกิจดิจิทัลทั่วโลกต้องการในอนาคต”
อย่างไรก็ดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ได้แสดงความเห็นในระหว่างการดีเบตก่อนการลงคะแนนว่า การสั่งห้ามอาจขัดขวางนวัตกรรมและการวิจัยของภาครัฐ อีกทั้งข้อกังวลหลายประเด็นเป็นเรื่องที่ ‘มากเกินไป’
โดย Maxine Waters สส. จากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า “ร่างกฎหมายดังกล่าวคุกคามความเป็นอันดับ 1 ของเงินดอลลาร์สหรัฐ และอำนาจของประเทศเรา
“ในปัจจุบันเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินสำรองทั่วโลก และมากกว่าครึ่งหนึ่งของการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดเป็นเงินดอลลาร์
“แต่โลกกำลังมองหาวิธีเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมและลดต้นทุน รวมถึงการออกCBDC” Waters กล่าว
“ปัจจุบัน 13 ประเทศกำลังเร่งพัฒนา CBDCรวมถึงประเทศ G7 ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา CBDCที่ก้าวหน้ากว่าสหรัฐฯ มาก ในความเป็นจริง หากร่างกฎหมายนี้กลายเป็นกฎหมาย เราก็จะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ห้ามการทำCBDC”
อ้างอิง: