เรียกว่าเป็นข่าวที่สร้างขวัญและกำลังใจให้กับพนักงานจริงๆ เมื่อ Under Armour ได้ออกมาประกาศว่า จะเพิ่มค่าจ้างรายชั่วโมงเป็น 15 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 471 บาท ซึ่งจะมีผลกับพนักงานขายและกระจายสินค้าในสหรัฐอเมริกาและแคนาดากว่า 8,000 คน
สำหรับบางคนค่าแรงที่ประกาศใหม่นั้นเพิ่มขึ้นกว่า 50% เลยทีเดียว โดยอัตราค่าจ้างใหม่นี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายนเป็นต้นไป ซึ่ง Under Armour เผยว่า พนักงานที่ได้ปรับค่าแรงนั้นคิดเป็น 90% ของพนักงานขายและพนักงานกระจายสินค้าทั้งพาร์ตไทม์และพนักงานประจำเลยทีเดียว
การจ่ายเงินเพิ่มขึ้นในครั้งนี้นับเป็นก้าวแรกของง Under Armour ที่จะใช้เพื่อรักษาและดึงดูดผู้มีความสามารถในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
“เรามุ่งมั่นที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง และศูนย์กลางของความมุ่งมั่นคือการสร้างความมั่นใจว่าเพื่อนร่วมทีมของเราจะรู้สึกมีคุณค่าและน่าชื่นชม” แพทริก ฟริสก์ ประธานและผู้บริหารระดับสูงของ Under Armour กล่าวในแถลงการณ์
ทิศทางดังกล่าวของ Under Armour เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบการร้านอาหารต้องเผชิญกับวิกฤตแรงงานครั้งใหญ่ ด้วยมีคนจำนวนน้อยกว่าที่คาดไว้ที่จะกลับเข้าทำงาน และธุรกิจจำนวนมากกำลังดิ้นรนเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังกลับมาคึกคักอีกครั้ง
จุดนี้เองทำให้ประกาศการจ้างงานที่มักจะมาถึงในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนในปีนี้มาพร้อมกับข่าวการขึ้นค่าจ้าง โบนัส ตลอดจนผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นอื่นๆ
ตัวอย่างเช่น Chipotle Mexican Grill กล่าวว่า ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงจะอยู่ที่ 15 ดอลลาร์ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา McDonald’s ประกาศว่าจะขึ้นค่าจ้างรายชั่วโมงสำหรับร้านอาหารที่เป็นของบริษัทในสหรัฐฯ เป็นต้น
ภาพ: Gary Hershorn / Corbis via Getty Images
อ้างอิง:
