UBS ธนาคารใหญ่อันดับ 1 ของสวิตเซอร์แลนด์ บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการของ Credit Suisse สถาบันการเงินขนาดใหญ่ในสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยมูลค่า 3 พันล้านฟรังก์สวิส หลังจากเจรจาติดต่อกันนานร่วม 11 ชั่วโมง ภายใต้แผนการควบรวมที่ออกแบบโดยหน่วยงานของสวิตเซอร์แลนด์กับธนาคารกลางชั้นนำของโลก
รายงานระบุว่า เป้าหมายของการเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นเพื่อพยายามสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับสุขภาพของระบบธนาคารทั้งระบบ โดยภายใต้การควบรวมดังกล่าว UBS ตกลงที่จะจ่ายเงิน 3 พันล้านฟรังก์สวิส
ทั้งนี้ แผนการควบรวมรวมถึงการแบกรับภาระหนี้ 5.4 พันล้านดอลลาร์ คาดว่าธนาคารทั้งสองแห่งจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2023 นี้
ขณะเดียวกัน UBS ระบุว่าที่ผ่านการควบรวมกิจการในครั้งนี้จะมีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 5 ล้านล้านดอลลาร์ และภายใต้ข้อตกลงนั้น กลุ่มผู้ถือหุ้นของ Credit Suisse จะได้รับหุ้นของ UBS ในอัตราส่วน 1 หุ้น (UBS) ต่อ 22.48 หุ้น (Credit Suisse)
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางแรงสนับสนุนจากธนาคารกลางทั่วโลก โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคมว่า ได้ร่วมกับธนาคารกลางในแคนาดา อังกฤษ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และสวิตเซอร์แลนด์ ในการประสานงานเพื่อเพิ่มสภาพคล่องของตลาด
ด้านธนาคารกลางยุโรปให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนธนาคารในยูโรโซนด้วยเงินกู้หากจำเป็น และแนวทางการช่วยเหลือ Credit Suisse ถือเป็น ‘เครื่องมือ’ สำหรับการฟื้นฟูความสงบของธนาคาร
Credit Suisse ซึ่งเป็นธนาคารเก่าแก่อายุ 167 ปี นับเป็นธนาคารรายใหญ่สุดที่สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาด หลังจากเกิดวิกฤตการเงินกับ Silicon Valley Bank (SVB) และ Signature Bank ของสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย Credit Suisse ต้องขอกู้เงิน 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์จากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์
ทั้งนี้ หน่วยงานควบคุมด้านกฎระเบียบของสวิตเซอร์แลนด์สนับสนุนให้ UBS และ Credit Suisse ควบรวมกิจการกัน โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่าทาง UBS ต้องการให้รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ค้ำประกันวงเงิน 6 พันล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในการปิดธุรกิจบางส่วนของ Credit Suisse การขาดทุน และการฟ้องร้องที่อาจเกิดขึ้นจากการเทกโอเวอร์
แม้จะสามารถจัดการหาทางออกให้แก่ปัญหาของ Credit Suisse ก่อนเปิดตลาดในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 20 มีนาคม (ตามเวลายุโรป) กระนั้น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีดังกล่าวก็สั่นคลอนตลาดและปิดตลาดในแดนลบ โดยดัชนี STOXX Europe 600 ปิดตลาดในวันศุกร์ที่ 19 มีนาคม ลดลง 1.26% ทำให้ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีดังกล่าวลดลง 3.9% ซึ่งเป็นผลงานที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2022
ทั้งนี้ หุ้นในส่วนของธนาคารปรับตัวลดลงมากที่สุดโดยลดลงถึง 2.6% ตามมาด้วยบริการทางการเงินลดลง 2.1%
นักวิเคราะห์มองว่าในขณะที่ตลาดรู้สึกโล่งใจที่ธนาคารกลางสวิสก้าวเข้ามาช่วยเหลือ แต่ความเชื่อมั่นยังคงเปราะบางอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักลงทุนมีแนวโน้มที่จะกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจในท้ายที่สุดจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดโดยธนาคารกลางยุโรป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- สตาร์ทอัพเครียด! อาจจ่ายเงินให้กับพนักงานไม่ได้ เหตุ Silicon Valley Bank ถูกสั่งปิด หลังกลายเป็นแบงก์ที่ล้มหนักสุด ตั้งแต่ปี 2008
- ‘Silicon Valley Bank’ ประสบเหตุ Bank Run และถูกสั่งปิดชั่วคราว พร้อมหาคำตอบว่าวิกฤตนี้จะลุกลามแค่ไหน?
- สิ้นยุคเทคสหรัฐ? กระแสเลย์ออฟใน ‘Silicon Valley’ มีทิศทางเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ
อ้างอิง: