×

สิ้นยุคเทคสหรัฐ? กระแสเลย์ออฟใน ‘Silicon Valley’ มีทิศทางเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ

10.01.2023
  • LOADING...

หลังจากที่สัญญาณเลย์ออฟเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ก่อนช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในปี 2022 การเดินหน้าปลดพนักงานของบริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสื่อสารสนเทศก็ดาหน้าเรียงแถวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง 

 

เริ่มต้นด้วยยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ที่ซีอีโอ Andy Jassy ออกมายืนยันว่า บริษัทกำลังพิจารณาทบทวนปรับโครงสร้างของบริษัท ซึ่งรวมถึงสัดส่วนของพนักงานก่อนที่หลังจากปีใหม่มาไม่กี่วันก็ประกาศตัดลดตำแหน่งงานของบริษัทลง 18,000 ตำแหน่ง โดยเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากเดิมที่ประมาณการไว้ว่าการเลย์ออฟจะอยู่ที่ 10,000 ตำแหน่ง 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


รายงานระบุว่า สำหรับ Amazon และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ใน Silicon Valley ช่วงครึ่งหลังของปี 2022 เป็นช่วงเวลาแช่แข็งของบริษัท ที่มีทั้งการระงับการจ้างหยุดงาน ปลดพนักงาน และมาตรการลดต้นทุนอื่นๆ 

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าปี 2022 เป็นปีที่ช่วงเวลาดีๆ ของบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้สิ้นสุดลง ปี 2023 ก็จะกลายเป็นปีที่ผู้คนในบริษัทเหล่านี้ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าที่จะเกิดขึ้น

 

โดยในวันเดียวกับที่ Amazon ประกาศปลดพนักงาน ทาง Salesforce บริษัทคลาวด์คอมพิวติ้งก็กล่าวว่าจะเลย์ออฟคนของตน 10% ซึ่งหมายถึงพนักงานหลายพันคนต้องตกงาน ขณะที่ Vimeo วิดีโอแชริ่งเปิดเผยว่าจะเลย์ออฟ 11% ส่วนในวันถัดมา Stitch Fix แพลตฟอร์มดิจิทัลแฟชั่น มีแผนลดพนักงาน 20% หลังจากที่ลดไปก่อนหน้านี้แล้ว 15% 

 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ต้องต่อสู้กับปัจจัยต่างๆ หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาดีเยี่ยมระหว่างวิกฤตการระบาดของโรคโควิดที่ความต้องการบริการดิจิทัลพุ่งสูงขึ้น จนทำให้บริษัทหลายแห่งรับสมัครงานเพิ่มอย่างจริงจัง 

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ความต้องการให้บริการดิจิทัลก็ปรับลดลง เนื่องจากผู้คนกลับไปใช้ชีวิตแบบออฟไลน์แบบปกติ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นยังทำให้หุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่พึ่งพานวัตกรรมในอนาคต ปรับตัวลดลงจนฉุดมูลค่าของบริษัท ทำให้ต้องมีการปรับโครงสร้างเพื่อลดค่าใช้จ่ายเพื่อให้บริษัทดำเนินธุรกิจต่อไปได้

 

ทั้งนี้ ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญมองว่า เมื่อเข้าสู่ปี 2023 ความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจะยังคงส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและผู้กำหนดนโยบายอย่างมาก และคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะดำเนินต่อไป จนอาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีบางแห่งต้องออกมาตรการที่รุนแรงมากขึ้นเพื่อลดต้นทุน  ซึ่งหมายรวมถึงจำนวนการเลิกจ้างที่เพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับร่างแถลงการณ์แสดงความเสียใจ และขอความเห็นใจจากสาธารณชนของบรรดาซีอีโอ หรือนายจ้างทั้งหลาย 

 

คาดผลกระทบน้อย เหตุเป็นแรงงานทักษะดี 

อย่างไรก็ตาม Patricia Campos-Medina ผู้อำนวยการบริหารของ Worker Institute แห่ง Cornell University’s School of Industrial and Labor Relations กล่าวว่า แม้กระแสการเลย์ออฟจะมีแนวโน้มหนักหน่วงมากขึ้น แต่ก็ไม่น่ากังวล เพราะคนงานในสายงานเทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่โดนปลดออกมาล้วนเป็นแรงงานทักษะฝีมือคุณภาพดี ดังนั้น แรงงานเหล่านี้น่าจะหางานใหม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น และสถานการณ์ตลาดงานในสหรัฐฯ น่าจะกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้นในช่วงระยะกลางและระยะยาว 

 

ในส่วนที่ว่ากระแสการเลย์ออฟในเทคโนโลยีจะแพร่กระจายไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ในวงกว้างหรือไม่นั้น ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเฉพาะของอุตสาหกรรม โดย John Leer หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Morning Consult กล่าวต่อ Christine Romans หัวหน้าผู้สื่อข่าวธุรกิจของ CNN ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นจุดเปลี่ยนเฉพาะของการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งน่าจะเป็นรูปเป็นร่างที่ชัดเจนขึ้นภายในไตรมาสแรกของปีนี้ 

 

‘LinkedIn’ รับอานิสงส์ครั้งใหญ่

ด้านสถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่า กระแสการปลดพนักงานของบริษัทในสหรัฐฯ นำโดยบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการเงินการธนาคาร ส่งผลให้โซเชียลมีเดียอย่าง LinkedIn ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เพราะกลายเป็นแหล่งรวมพลคนตกงานที่เข้ามาใช้พื้นที่ของ LinkedIn ในการรับมือกับการตกงานอย่างกะทันหัน และใช้เส้นสายคนรู้จักในการหางานใหม่

 

รายงานระบุว่า ผู้ใช้งานของ LinkedIn ที่ได้รับผลกระทบจากการเลย์ออฟของ Meta ในเดือนพฤศจิกายน 2022 มีสมาชิกมากกว่า 200 คนแล้ว โดยใช้พื้นที่ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเกี่ยวกับเอกสาร ข้อกำหนดกฎหมาย และการหางานใหม่ 

 

ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่ลูกจ้างเท่านั้นที่เข้ามาใช้ บรรดานายจ้างก็เข้ามาใช้พื้นที่ของ LinkedIn ในการอธิบายถึงความจำเป็น ขอความเห็นใจ ตลอดจนคำแนะนำต่างๆ 

 

หลายฝ่ายมองว่า กระแสการปลดพนักงานออกที่เกิดขึ้น ทำให้เครือข่ายอาชีพอย่าง LinkedIn ได้รับอานิสงส์ในทางบวก เพราะโซเชียลมีเดียดังกล่าวจัดตั้งขึ้นเพื่อการนี้อยู่แล้ว ในการเป็นเส้นทางสำหรับการสร้างชุมชนคนมืออาชีพ ซึ่งสำหรับคนที่เพิ่งโดนเลิกจ้างจึงกลายเป็นพื้นที่สำคัญ และยิ่งทำให้ LinkedIn คึกคักขึ้นในช่วงเวลานี้ 

 

ข้อมูลจาก Sensor Tower ระบุว่า ยอดการดาวน์โหลดแอป LinkedIn บนสมาร์ทโฟนทั้ง Google Play และ Apple App Store ทั่วโลกในปี 2022 อยู่ที่ประมาณ 58.4 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 10%

 

ขณะเดียวกัน จำนวนโพสต์บน LinkedIn ที่กล่าวถึงการ ‘ว่างงาน’ เพิ่มขึ้น 22% ในช่วงเดือนพฤศจิกายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ส่วน LinkedIn กล่าวว่า อัตราผู้ใช้เพิ่มการเชื่อมต่อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีที่แล้วเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผู้ใช้มีความกระตือรือร้นบนแพลตฟอร์มมากขึ้น

 

การเพิ่มขึ้นของการใช้งานดูเหมือนจะดีสำหรับธุรกิจของ LinkedIn เนื่องจากแพลตฟอร์มดังกล่าวมีรายรับเพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว โดยนักวิเคราะห์ของ Microsoft ระบุในรายงานเดือนตุลาคมว่า LinkedIn ได้เห็น ‘การมีส่วนร่วมเป็นประวัติการณ์’ ในหมู่สมาชิก 875 ล้านคน โดยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ

 

Jennifer Grygiel รองศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียของมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ กล่าวว่า กระแสของ LinkedIn น่าจะมาตั้งแต่ช่วงเริ่มเกิดวิกฤตการระบาดของโควิด ที่คนทำงานต้อง Work from Home ทำให้การสร้างเครือข่ายในสื่อออนไลน์มีความจำเป็น ซึ่งกระแสการปลดพนักงานน่าจะทำให้ LinkedIn ขยายตัวได้มากขึ้นไปอีก 

 

อ้างอิง: 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising