หลังก้าวเข้าสู่ปี 2567 ราคาหุ้นของ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 43% จากราคา 5.05 บาท เมื่อปลายปีก่อน มาอยู่ที่ 7.25 บาท ทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 5 เดือน
ภายหลังการควบรวมกิจการระหว่าง TRUE และ DTAC เสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ล่าสุดบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะพลิกธุรกิจให้มีผลกำไรสุทธิ ภายหลังการปรับปรุง (Normalized) กลับมาเป็นบวกอีกครั้ง
นกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) ของ TRUE กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ TRUE มุ่งทรานส์ฟอร์มธุรกิจเพื่อกลับมามีกำไรอีกครั้ง ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างทะเยอทะยาน จากก่อนหน้านี้ที่ตัวเลขยังคงเป็นผลขาดทุนสุทธิ
ปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนผลประกอบการให้ดีขึ้นในปีนี้จะมาจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้น 3-4% จากรายได้เฉลี่ยต่อลูกค้าหนึ่งรายที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมทั้งผลจากการควบรวมกิจการกับ DTAC ซึ่งช่วยให้ประสิทธิภาพในการดำเนินงานดีขึ้น และลดค่าใช้จ่ายจากการใช้งานสินทรัพย์ที่ซ้ำซ้อน ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ผลบวกสุทธิจากการควบรวมกับ DTAC คิดเป็นมูลค่าราว 980 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 9-11% จากปีก่อนที่ทำได้ 8.57 หมื่นล้านบาท
ขณะที่งบลงทุน (CAPEX) ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 3 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ใช้งบลงทุนไปทั้งสิ้น 2.1 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้ลงทุนใน 3 ส่วนหลัก คือ
- พัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยมากขึ้น จากการปรับปรุงเสาส่งสัญญาณให้ครบ 10,000 ต้น
- ลงทุนในด้านไอที
- ขยายฐานลูกค้าอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA จะลดลงอย่างต่อเนื่อง จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 5.2 เท่า คาดว่าจะลดลงต่ำกว่า 5 เท่าในปีนี้ และลงไปต่ำกว่า 4.5 เท่าในปี 2568 ซึ่งปัจจุบัน TRUE มีหนี้สินสุทธิ 4.44 แสนล้านบาท
ขณะที่ต้นทุนทางการเงินของบริษัทในปัจจุบันมีแนวโน้มจะลดลงเล็กน้อย จากค่าเฉลี่ยปัจจุบันที่สูงกว่า 4% เล็กน้อย เนื่องจากอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทที่เพิ่มขึ้นจาก BBB+ มาเป็น A+ ทำให้การออกหุ้นกู้ชุดใหม่มีต้นทุนการเงินที่ต่ำลง อย่างหุ้นกู้ชุดล่าสุดที่ขายเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.9%
ด้านนักวิเคราะห์บางส่วนที่ติดตามหุ้น TRUE ประเมินว่า บริษัทจะยังมีผลขาดทุนสุทธิในปีนี้ และอาจจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ในปี 2568 เช่น บล.กรุงศรี พัฒนสิน คาดว่า TRUE จะมีกำไรสุทธิ 4.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่คาดว่าจะขาดทุน 2.2 พันล้านบาท
