×

ศิริกัญญาตั้งกระทู้ถามนายกฯ ปมควบรวม TRUE-DTAC อาจเกิดการฮั้ว ทำประชาชนจ่ายค่าโทร-เน็ตเพิ่มถึง 200% ชัยวุฒิตอบไม่เชื่อจะมีการฮั้ว

โดย THE STANDARD TEAM
11.08.2022
  • LOADING...
ศิริกัญญา ตันสกุล

วันนี้ (11 สิงหาคม) ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีเศรษฐกิจผูกขาด โดยมี ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นผู้ตอบแทน พล.อ. ประยุทธ์

 

โดยศิริกัญญาเกริ่นนำว่า ระบบผูกขาดเกิดขึ้นในเศรษฐกิจไทย ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังวิกฤตโควิด สิ่งนี้จะเป็นตัวฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ โดย 8 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารงานของ พล.อ. ประยุทธ์ ได้ส่งเสริมให้กลุ่มเจ้าสัวที่รวยสุด 50 รายแรกของประเทศ รวยขึ้น 2 ล้านล้านบาท แต่ 8 ปีของ พล.อ. ประยุทธ์เช่นเดียวกัน ก็ทำให้หนี้ครัวเรือนของประชาชนเพิ่มสูงขึ้นถึง 4.6 ล้านล้านบาท เท่ากับประชาชนรายได้ลด แต่หนี้เพิ่มไม่หยุด

 

“ถ้าความร่ำรวยของเจ้าสัวเหล่านี้เกิดขึ้นจากความสามารถเก่งกาจ จะไม่ว่าอะไรสักคำเลย แต่ความร่ำรวยที่เกิดขึ้นจากการผูกขาดโดยการเอื้อประโยชน์ของรัฐนั้น เท่ากับว่าเงินที่หายไปจากกระเป๋าประชาชนได้ถูกถ่ายเทไปเป็นความร่ำรวยของนายทุน แถมตลอดการดำรงตำแหน่งของ พล.อ. ประยุทธ์ ก็มีแนวโน้มเอื้อทุนใหญ่มาโดยตลอด” ศิริกัญญากล่าว

 

โดยศิริกัญญายกตัวอย่างการเอื้อกลุ่มทุนใหญ่-ทุนผูกขาด ของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ได้แก่

 

  • ยืดหนี้ให้กลุ่มทุนโทรคมนาคมจ่ายค่าประมูลคลื่น 4G ดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 10 ปี จนรัฐเสียหาย เอกชนฟันผลประโยชน์ไป 2 หมื่นล้านบาท

 

  • อุ้มเอกชนที่ผูกขาด Duty Free โดยแก้สัญญาสัมปทานแบบด่วนทันใจก่อนช่วยประชาชนเสียอีก ทั้งลดค่าสัมปทานและยืดอายุ จนรัฐเสียผลประโยชน์หลายพันล้านบาท

 

  • อ้างโควิดเช่นกัน ในการยอมให้แก้ไขสัญญาสัมปทาน PPP รถไฟฟ้าความเร็วสูง 3 สนามบิน ยอมให้ผ่อนจ่ายค่าสิทธิ์บริหารจัดการ Airport Rail Link แบบดอกเบี้ยแสนถูก ให้รัฐบาลสมทบทุนเร็วขึ้นเพื่อช่วยออกค่าก่อสร้าง แทนที่จะไปออกเงินตอนก่อสร้างเสร็จแล้ว

 

  • รัฐบาลยังปล่อยให้มีการควบรวมห้างค้าปลีก-ร้านสะดวกซื้อ ทำให้เพิ่มการผูกขาดในตลาดมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนหมดทางเลือก

 

  • กรณีล่าสุด ควบรวม TRUE-DTAC จะผูกขาดขั้นสุด ประชาชนต้องแบกรับค่าบริการ กระทบค่าครองชีพให้มากขึ้นไปอีก แต่ก็ยังมีรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ออกมาพูดจาสนับสนุนการควบรวมครั้งนี้ว่าเป็นสิทธิ์ของเอกชน

 

  • ล่าสุดของล่าสุด การขออนุญาตควบรวมกิจการอินเทอร์เน็ต AIS-3BB

 

ศิริกัญญาจึงตั้งคำถามว่า ตกลงแล้วรัฐบาลชุดนี้คิดว่ามีปัญหาการผูกขาดในเศรษฐกิจหรือไม่ แล้วรัฐบาลนี้มีนโยบายป้องกันการผูกขาด และส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรมบ้างหรือไม่ ถ้ามี คืออะไร เป็นอย่างไรบ้าง ท่านคิดว่าทำดีพอแล้วหรือยัง เป็นธรรมต่อ SMEs และประชาชนผู้บริโภค ที่ควรจะเป็นรากฐานสำคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศนี้แล้วหรือยัง?

 

ศิริกัญญาเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า แต่เดิมค่าบริการโทรศัพท์มือถือของคนไทยก็สูงอยู่แล้วแม้ว่าจะมีหน่วยงานกำกับดูแลอยู่ก็ตาม ตัวเลขจาก International Telecommunication Union (ITU) เปิดเผยว่าสำหรับแพ็กเกจใช้น้อย อยู่อันดับที่ 111 ส่วนแพ็กเกจใช้มาก อยู่อันดับที่ 87 จาก 182 ประเทศ ถ้าหากการควบรวมครั้งนี้สำเร็จก็จะยิ่งซ้ำเติมปัญหาเข้าไปอีก

 

เมื่อดูเฉพาะอินเทอร์เน็ต ถ้าเราอยากส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดขึ้นจริง ค่าบริการก็จะต้องไม่แพง เพื่อส่งเสริมทั้งฝั่งผู้ประกอบการและผู้บริโภค แต่ปรากฏว่าเมื่อเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำ คนไทยต้องทำงาน 2 วันเพื่อจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตรายเดือน ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ทำงาน 1 วัน หรือน้อยกว่านั้น

 

สำหรับผลการศึกษาการควบรวมครั้งนี้ออกมาแล้วจาก 5 หน่วยงาน ทั้งจากหน่วยงานที่ TRUE-DTAC จ้างศึกษา มีทั้งสถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา รวมถึงคณะอนุกรรมการของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เอง ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขั้นต่ำคือ 10% แต่ถ้าการควบรวมนี้มีการฮั้วกันก็จะทำให้ค่าบริการยิ่งแพงขึ้นไปอีก โดยคณะอนุกรรมการของ กสทช. เองศึกษาแล้วพบว่าค่าบริการจะพุ่งสูงขึ้นถึง 49-200% หมายความว่าถ้าทุกวันนี้เราจ่ายค่ามือถือและอินเทอร์เน็ต 100 บาท อาจจะต้องจ่าย 150-300 บาท แบบนี้กระทบค่าครองชีพประชาชนอย่างเต็มที่ ซ้ำเติมเงินเฟ้อที่ยังขึ้นไม่หยุดด้วย แล้วประชาชนและธุรกิจดิจิทัลเหล่านี้จะพัฒนากันต่อได้อย่างไร

 

ศิริกัญญากล่าวต่ออีกว่า ตนเองทราบดีว่าเป็นหน้าที่กำกับดูแลโดย กสทช. แต่ในฐานะรัฐบาล ท่านได้ศึกษาประเมินบ้างหรือไม่ว่ามูลค่าความเสียหายของเศรษฐกิจดิจิทัลจะอยู่ที่กี่พันล้านบาท งานของประชาชนคนไทยจะหายไปกี่ตำแหน่ง และถ้าผลกระทบมากขนาดนี้ ท่านคิดว่ากฎหมาย กฎระเบียบ ประกาศ ที่มีอยู่นั้นพอหรือไม่ที่จะเยียวยาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

 

“ดังนั้นเรายังไม่มีความเชื่อใจ มั่นใจ ว่า กสทช. จะกำกับราคาได้เลย วันนี้เราหวังว่าให้ควบรวมไปก่อนแล้วค่อยไปกำกับดูแลราคาทีหลัง มันไม่ได้” ศิริกัญญากล่าว

 

ศิริกัญญากล่าวต่ออีกว่า เมื่อมีการดีลใหญ่เกิดขึ้นแบบนี้ รัฐบาลทั่วโลกก็จะมีบทบาทนำมาโดยตลอด เช่น การควบรวมบริษัทโทรคมนาคมที่แคนาดา ก็เป็นรัฐบาลเองที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะไม่ยอมให้มีการควบรวมในครั้งนั้น แม้สุดท้ายบริษัทจะยอมคลายคลื่นและยอมผ่านดีลในที่สุด และมีอีกหลายกรณีที่ดีลไม่ผ่านเลย เช่น กรณีของ AT&T และ T-Mobile ของสหรัฐฯ เพราะหน่วยงานกำกับดูแลเข้มแข็งมาก 

 

ต้องยอมรับว่าในหลายครั้งต้องเป็นบทบาทและนโยบายของทางรัฐบาลในการเจรจาดึงดูดนักลงทุน แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่างๆ เพื่อทำให้เกิดผู้เล่นรายใหม่เกิดขึ้น นี่คือนโยบายจากทางรัฐบาลทั้งสิ้น และทุกประเทศก็ทำกัน เช่น รัฐบาลญี่ปุ่นเป็นตัวกลางและใส่เงินในการเจรจาควบรวมบริษัทผลิตชิปภายในประเทศเมื่อเกิดวิกฤต แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อให้เกิดการผูกขาดในประเทศ แต่เพื่อความแข็งแกร่งของบริษัทที่จะไปแข่งในตลาดโลก

 

ดังนั้นตนเรียกร้องให้รัฐบาลต้องมีบทบาทนำในประเด็นนี้มากขึ้น ทางเลือกที่เหลืออยู่ หากจำเป็นจะต้องหานักลงทุนรายใหม่เข้ามาแทน DTAC ที่จะถอนหรือลดการลงทุนจากภูมิภาคนี้ ก็มีอยู่ไม่กี่ทางเลือก คือ

 

  1. ให้รัฐวิสาหกิจมาเทกโอเวอร์ เช่น NT แต่ตนไม่สนับสนุนแนวทางนี้

 

  1. ดึงดูดนักลงทุนรายใหม่จากในประเทศ ก็เกี่ยวข้องกับรัฐบาลโดยตรงว่าจะเปิดเสรีธุรกิจโทรคมนาคมหรือไม่

 

“คำถามสำคัญก็คือ รัฐบาลได้ใช้อำนาจ ใช้ความสามารถที่มีอยู่อย่างเต็มที่แล้วหรือยัง เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและนำพาประเทศพ้นวิกฤตครั้งนี้

 

“แล้วท่านจะตอบกับประชาชนอย่างไร เมื่อพวกเขามองว่าท่านไม่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันการควบรวมผูกขาดครั้งนี้ และเขาตั้งข้อสงสัยว่าท่านไม่ทำอะไรเลยจากการดีลควบรวมในครั้งนี้ เพราะท่านได้ประโยชน์ดีลผูกขาดนี้เช่นกัน” ศิริกัญญากล่าวทิ้งท้าย

 

ทางด้านชัยวุฒิตอบว่า รัฐบาลมีนโยบายให้มีการแข่งขันอย่างเสรีอยู่แล้ว และไม่เชื่อว่าเอกชนสองรายจะฮั้วกัน รวมทั้งรัฐบาลไม่มีอำนาจในการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกำกับดูแลกรณีควบรวม TRUE-DTAC เพราะเป็นอำนาจของ กสทช. แต่นโยบายของรัฐบาลคือให้มีการแข่งขัน ไม่เอื้อประโยชน์ให้ใคร

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising